สกสว. ร่วมมือ ววน. ปักหมุดสงขลา สานพลังวิจัยภาคใต้ใน RU Connext ครั้งที่ 2
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดงาน “RU Connext ครั้งที่ 2: กับการสานพลังเครือข่าย ววน.ครั้งสำคัญ สานพลัง วิจัยไทย ใช้งานจริง (ภาคใต้)” ขับเคลื่อนผ่าน Southern Vision ที่รวมสุดยอดผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากภูมิภาค ร่วมกับมหาวิทยาลัยเครือข่ายในภาคใต้ 12 แห่ง สู่การพลิกโฉมอย่างเป็นรูปธรรมผ่านเลนส์ Nation Vision เพื่อก้าวข้ามจากห้องปฏิบัติการสู่การขับเคลื่อนประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม ท้องถิ่น และการสร้างสรรค์นโยบาย พร้อมเปิดประตูสู่ความร่วมมือระดับนานาชาติ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 1 กันยายน 2568 ณ จังหวัดสงขลา
ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า การจัดงาน RU Connext ครั้งที่ 2 ถือเป็นเวทีสำคัญในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในระดับพื้นที่ และเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ที่สมดุลและยั่งยืน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจึงมีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเป็น “ตัวเร่ง” ที่เชื่อมโยงงานวิจัยเข้ากับการพัฒนาพื้นที่ตามบริบทเฉพาะถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้ การพัฒนาอุตสาหกรรม การลดความเหลื่อมล้ำ การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ หรือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
“มหาวิทยาลัยทั้งสามกลุ่มมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ กลุ่มมหาวิทยาลัยในเครือข่าย ทปอ. เป็นแหล่งผลิตงานวิจัยคุณภาพระดับชาติและนานาชาติ เชื่อมโยงกับการพัฒนานโยบายและการสร้างนวัตกรรมเชิงเศรษฐกิจ ขณะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมีจุดแข็งในการพัฒนาท้องถิ่น เชิดชูภูมิปัญญาชุมชน และสนับสนุนโครงการพระราชดำริ ส่วนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมุ่งเน้นผลิตบัณฑิตที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม พร้อมพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ได้จริง ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต” โดยมุ่งผลักดันให้เกิด “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น เห็นผลลัพธ์ (Impact)” ผ่านการวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าว
ในช่วงของการลงพื้นที่ ได้เยี่ยมชมศักยภาพห้องปฏิบัติการและศูนย์ความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยในพื้นที่ อาทิ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านกาแฟ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ศูนย์วิจัยด้านยานยนต์สมัยใหม่ พลังงานสะอาด และวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และนวัตกรรมยางพารา วิทยาศาสตร์การแพทย์ และนิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมถึงมีการประชุมหารือร่วมระหว่างผู้บริหาร สกสว. ผู้แทนมหาวิทยาลัย 12 แห่ง หน่วยบริหารและจัดการทุน NIA บพท.สวก. และกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหาแนวร่วม กำหนดแนวทางการยกระดับการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และเชิงนโยบาย
สำหรับการประชุมวิชาการจัดขึ้น ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ม.สงขลานครินทร์ พร้อมด้วยอธิการบดี รองอธิการบดี มทร.ศรีวิชัย รองอธิการบดี มรภ.สงขลา ม.ทักษิณ ม.วลัยลักษณ์ ม.นราธิวาส สจล.วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พร้อมด้วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัย คณะผู้บริหาร เครือข่ายมหาวิทยาลัยภาคใต้ (มรภ.สงขลา มรภ.สุราษฎร์ธานี มรภ.ภูเก็ต มรภ.ยะลา มรภ.นครศรีธรรมราช) ให้การต้อนรับร่วมสานพลังภาคใต้อย่างเข้มแข็ง
สำหรับพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ศ.ดร.วิษณุ มีอยู่ รองผู้อำนวยการ สกสว. ได้บรรยายพิเศษในประเด็น “แนวทางการเชื่อมโยงการทำงานเพื่อขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมให้บรรลุเป้าหมาย SRI for All” ระบุว่า ตลอดการลงพื้นที่แต่ละภูมิภาค สกสว. ได้เห็นอัตลักษณ์ที่ชัดเจนของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สามารถต่อยอดงานวิจัยและนวัตกรรมได้จริง โดย สกสว. ทำหน้าที่เป็น “ตัวประสานและเร่งรัด” (accelerator) เพื่อให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในสังคมและเศรษฐกิจ และได้ชี้ให้เห็น pain point สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะด้านทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้เชิญผู้แทนจากกรมทรัพย์สินทางปัญญามาร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อช่วยผลักดันให้ผลงานวิจัยสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงและสร้างผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงแนวคิด Innovation Portfolio ที่ สกสว. กำลังพัฒนา เพื่อยกระดับการนำเสนองานวิจัยสู่ระดับนานาชาติ โดยจะไม่เพียงแค่รวบรวมรายชื่อผลงาน แต่จะนำเสนอเป็นภาพรวมที่สะท้อนศักยภาพของประเทศในการสร้างนวัตกรรม เช่น กลุ่มงานด้านสุขภาพและ wellness ที่สามารถต่อยอดสู่ตลาดต่างประเทศได้
“หลายคนตั้งคำถามกับ สกสว. และกองทุน ววน. ว่าเงินงบประมาณปีละกว่าสองหมื่นล้านบาทสร้างผลลัพธ์อย่างไร ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์ที่ประชาชนใช้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร หรือเทคโนโลยี ล้วนผ่านกระบวนการวิจัยทั้งสิ้น เพียงแต่ยังไม่ถูกมองเห็นชัดเจน เราทุกคนจึงมีหน้าที่ทำให้สังคมเห็นคุณค่าและความหมายของงานวิจัย ผมเชื่อว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อขยายผลข้อมูลและสร้างภาพรวมที่ชัดเจนของระบบวิจัยและนวัตกรรมไทย สกสว. พร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า” ศ.ดร.วิษณุ กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ม.สงขลานครินทร์ กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการประชุม RU Connext ภาคใต้ ว่าเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม นักวิจัย และชุมชนท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบาย เศรษฐกิจ สังคม และพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมและต่อยอดผลงานวิจัยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในวงกว้างพร้อมแสดงความมั่นใจว่าการประชุม RU Connext ภาคใต้ ครั้งนี้ จะเป็นมากกว่าเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างคุณประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและสังคมโลกต่อไป
มหาวิทยาลัยในภาคใต้ผนึกกำลังครั้งสำคัญ ในครั้งนี้ รวม 12 สถาบันการศึกษา ทั้งในเครือข่าย ทปอ. มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ร่วมกันนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูง ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยแบ่งผลงานเด่นตามกลุ่มมหาวิทยาลัยได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1: มหาวิทยาลัยหลัก (ทปอ. และสถาบันเทคโนโลยี)
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์: โดดเด่นด้านการขับเคลื่อนงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์และสังคม อาทิ "Gindy" เม็ดอมบรรเทาอาการเมารถ-เมาเรือ และ "OZ-P" น้ำมันหัวหอมออร์แกนิก ที่ต่อยอดสู่ตลาดและธุรกิจจริง พร้อมบทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์ในการบ่มเพาะผู้ประกอบการกว่า 1,494 ราย ยื่นคำขอสิทธิบัตร 518 คำขอ และสร้างรายได้จากการใช้ประโยชน์ผลงานกว่า 19 ล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
มหาวิทยาลัยทักษิณ: มุ่งมั่นผลิตงานวิจัยและนวัตกรรมสังคมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงบวก เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวหนังอย่าง REBLISS PRO HAIR TONIC และ ANTI-ACNE SERUM ACNE AND SCAR รวมถึงสารสกัดขมิ้นชันละลายน้ำในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์: นำเสนอการพัฒนาสูตรและกรรมวิธีสำหรับการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็งสารละลายโปรไบโอติกสำหรับเวชสำอาง เพื่อเสริมสร้างความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิว ลดการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ พร้อมเทคโนโลยีการให้ความร้อนด้วยคลื่นไมโครเวฟ
มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์: มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ ขจัดความยากจน ผ่านการพัฒนาการผลิตปลากะพงขาว และการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการชุมชนเกาะปูลาโต๊ะบีซู เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าใหม่แก่ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเศรษฐกิจฐานรากสู่มูลค่าเชิงพาณิชย์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์: นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตถ่านชีวภาพ (Biochar Production Technology) ช่วยเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ลดปัญหาภัยแล้ง ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืนในชุมพรและระนอง
อุทยานวิทยาศาสตร์ (บทบาทโดยรวม): มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม เชื่อมโยงเครือข่าย สร้างและพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ พัฒนาศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกับภาคเอกชน และต่อยอดผลงานวิจัยสู่มูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม โดยมีผลลัพธ์ย้อนหลัง 5 ปี ผู้ได้รับการพัฒนา 1,494 คน ยื่นคำขอสิทธิบัตร 518 คำขอ และสร้างรายได้รวม 19.4 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2: มหาวิทยาลัยราชภัฏ
มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา: นำเสนอโครงการวิจัย “การตรวจสอบคุณภาพซากและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเนื้อจระเข้เพื่อเพิ่มมูลค่า” โดยพัฒนาสูตรและกรรมวิธีแปรรูปเป็น "แหนมเนื้อจระเข้" สร้างทางเลือกผลิตภัณฑ์ เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ และเสริมความมั่นคงแก่อุตสาหกรรมการเลี้ยงจระเข้ไทย
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช: มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาท้องถิ่นในด้านวัฒนธรรม เกษตร และเศรษฐกิจชุมชน โดยได้รับงบประมาณทุนวิจัยรวมกว่า 164 ล้านบาท ใช้ทุนทางวัฒนธรรมพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากผ่านงานวิจัย เช่น การแปรรูปสะตอสด การผลิตน้ำหวานดอกมะพร้าว และการใช้สีย้อมธรรมชาติในผ้ามัดย้อม พร้อมผลงานทรัพย์สินทางปัญญา 280 ผลงาน
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี: นำเสนอโครงการวิจัย “การขับเคลื่อนน้ำมังคุดพรีเมียม” เพื่อการส่งออกไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย สร้างแบรนด์ “มังชา” และ “Sir Al – Hayah” ทำยอดขายรวมกว่า 444,505 บาทใน 1 ปี เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมังคุดตกเกรด เพิ่มรายได้และสร้างการจ้างงานใหม่ไม่น้อยกว่า 40 ตำแหน่ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต: นำเสนอการศึกษาวิจัย "ส้มควาย" ไม้พื้นถิ่นของจังหวัดพังงา ค้นพบสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพสูง สามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม อาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์แปรรูปเชิงพาณิชย์
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา: มุ่งผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ชุมชน สังคม และพื้นที่ ผ่านการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี เช่น ไม้อัดเทียมจากเส้นใยธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ขยายผลสู่ชุมชนด้วยโครงการเลี้ยงผึ้ง ก๊าซชีวภาพ และสมุนไพร ส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้และการจ้างงานกว่า 856 คน รายได้ชุมชนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 70% และสร้างเครือข่ายอาชีพที่เข้มแข็ง
กลุ่มที่ 3: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย: มุ่งสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งโอกาส” ด้วยงบประมาณวิจัยกว่า 485.72 ล้านบาทในช่วงปี 2563 – 2567 สร้างผลงานทรัพย์สินทางปัญญากว่า 500 ชิ้น และผลักดัน Product Champion 12 ผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ โดยมีผลงานที่นำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์แล้ว 152 ผลงาน และใช้ประโยชน์ทางสังคม ชุมชนกว่า 776 ผลงาน
การรวมพลังครั้งนี้สะท้อนศักยภาพอันแข็งแกร่งของสถาบันอุดมศึกษาในภาคใต้ ในการเป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาท้องถิ่นสู่ระดับสากล
ทั้งนี้ สกสว. เชื่อมั่นว่า การประชุม RU Connext จะสะท้อนพลังความร่วมมือของมหาวิทยาลัยทั้งสามกลุ่ม พร้อมต่อยอดสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้ผลงานวิจัยของไทยถูกนำไปใช้งานจริง ด้วยการมุ่งเน้นใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ การผลักดันการใช้ประโยชน์งานวิจัยอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงสู่เศรษฐกิจ สังคม และนโยบาย การยกระดับงานวิจัยสู่มาตรฐานสากล และการสร้างคนพันธุ์ใหม่เพื่ออนาคต โดยส่งเสริมศักยภาพนักวิจัยรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการนวัตกรรม และนักประดิษฐ์ท้องถิ่นให้ทำงานจริงในพื้นที่ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชนต่อไป.