ภาษีทรัมป์ 19% กระทบส่งออก 5 เดือนสุดท้าย ปี 68 มูลค่า 1.14 แสนล้าน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ไทยในประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ไทยในอัตรา19% ว่า การที่ประเทศไทยได้อัตราภาษีที่ 19% ถ้าเทียบกับคู่แข่งไทยไม่ได้เสียเปรียบ โดยการเจรจาครั้งนี้มองว่าเป็นการเจรจาในอัตราภาษีสหรัฐเป็น 0% ในขณะที่ประเทศอื่นจะต้องมีการเสียภาษีนำเข้า ซึ่งมีการกำหนดที่แตกต่างกันไป โดยสิ่งที่จะต้องติดตามและให้ความสำคัญ
โดยเฉพาะเรื่องของการใช้วัตถุดิบการผลิตเพื่อการส่งออก ทั้งนี้ ยังมีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่จากการประเมินเบื้องต้นหากเป็นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 50% การใช้วัตถุดิบในกลุ่มภูมิภาคประมาณ 40% หรือไม่
ทั้งนี้ จะต้องรอดูความชัดเจน แต่เชื่อว่าผู้ส่งออกแต่ละอุตสาหกรรมคงพอจะรับรู้ว่าแต่ละกลุ่มใช้วัตถุดิบเพื่อการผลิตเท่าไหร่ โดยในระยะ 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้มองว่าโอกาสสูญเสีย มูลค่าการส่งออกของไทยไม่มาก แต่ในปี 2569 คาดว่ามูลค่าการส่งออกที่ไทยจะสูญเสียถึง 2.7 แสนล้านบาท และกระทบ GDP ประมาณ 1.48%
นายธนวรรธน์ ระบุว่า โอกาสของไทยในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐโดยเฉพาะสินค้าทุน เช่น กลุ่มเครื่องจักรก็จะมีโอกาสที่จะเข้ามายกระดับการผลิตสินค้าไทยได้ คาดว่า GDP โลกในปีนี้จะอยู่ที่ 2.5% ส่วนภาพของการท่องเที่ยวไทยเชื่อว่า ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยอยู่ที่ประมาณ 34 ล้านคน ส่วนการขยายตัวจีดีพีของไทยในปีนี้ จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงภาษีสหรัฐ คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 1.7% หรืออยู่ในกรอบ 1.5-2%
ส่วนผลกระทบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ยังมองว่า ยังขับเคลื่อนยังไม่ได้เต็มที่ ส่วนเสถียรภาพทางการเมืองยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นายธนวรรธน์ ระบุอีกว่า จากการประเมินผลกระทบภาษี19% ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปี 68 คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อส่งออกไทยราว 114,612 ล้านบาท โดยทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหดตัวลง 0.62% แบ่งเป็น ผลกระทบทางตรงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีต่อการส่งออก 106,518 ล้านบาท /ผลกระทบทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานโลก 26,978 ล้านบาท /แต่อาจได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนการค้า 18,884 ล้านบาท
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปี 69 นายธนวรรธน์ คาดว่า จะมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อการส่งออก 275,069 ล้านบาท ทำให้ GDP หดตัวลง 1.48% แบ่งเป็น ผลกระทบทางตรงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีต่อการส่งออก 255,643 ล้านบาท , ผลกระทบทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานโลก64,747 ล้านบาท แต่อาจได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนการค้า 45,322 ล้านบาท โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังคงเป้าหมายจีดีพีทั้งปีไว้ที่ 1.5-2% โดยมีค่ากลางอยู่ที่1.7%
โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกส่วนใหญ่ คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และยางและผลิตภัณฑ์ยาง เนื่องจากมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯสูง และยังพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก
ด้านความสามารถในการแข่งขันส่งออกสินค้าไทย 10 อันดับแรกไปยังตลาดสหรัฐพบว่าไทยเสียเปรียบคู่แข่งไม่มากนัก เนื่องจากมีอัตราภาษีใกล้เคียงกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
โดยกลุ่มที่ได้เปรียบไทย มีเพียงสิงคโปร์ที่ได้อัตราภาษี 10% รองลงมาคือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ได้รับอัตราภาษี 15% สำหรับสินค้า แผงวงจรรวมขั้นสูง ,เคมีภัณฑ์ขั้นสูงแผงวงจรรวมและเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง และเครื่องจักรกลและเครื่องมืออุตสาหกรรมขั้นสูง
ส่วนกลุ่มที่ไทยได้เปรียบในการส่งออกมีหลายระดับ เริ่มจากเวียดนาม ไต้หวัน ศรีลังกา และบังกลาเทศที่ได้รับภาษี 20% ตามด้วยอินเดียและบรูไนที่ 25% ลาวและเมียนมาที่ 40% และจีนคือตลาดที่ไทยได้เปรียบมากที่สุดด้วยอัตราภาษี 51%ของจีน สร้างโอกาสให้ไทยสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะการส่งออกกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ,เครื่องจักรกลและคอมพิวเตอร์ และเฟอร์นิเจอร์และสินค้าเบ็ดเตล็ด
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ 6 มาตรการ ได้แก่ ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ, เสริมสร้างกฎแหล่งกำเนิดสินค้า, กระจายตลาดส่งออก, ดึงดูดการลงทุนโดยตรงที่มูลค่าสูง, ส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศ, และดำเนินการทูตเพื่อการค้าในเชิงรุก เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสถียรภาพรัฐบาล-ภาษีสหรัฐฯ ฉุด! ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเนื่อง
สศช.คาด GDP ปี 68 โต 2.3-3.3% รายจ่ายรัฐเพิ่ม-ท่องเที่ยวฟื้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ภาษีทรัมป์ 19% กระทบส่งออก 5 เดือนสุดท้าย ปี 68 มูลค่า 1.14 แสนล้าน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com