โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เจาะมูลค่า T-VER เมื่อคาร์บอนเครดิตไทย ‘ไม่ได้ถูก’ อย่างที่คิด

เดลินิวส์

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
ชวนไขความจริงผ่านกลไกตลาด: ราคาคาร์บอนเครดิตไทยต่ำจริงหรือแค่เปรียบเทียบผิด?

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เปิดเผยข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า ‘ราคา’คาร์บอนเครดิตของประเทศไทยที่หลายฝ่ายมองว่า ‘ถูกกว่า’ ต่างประเทศนั้น อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะแท้จริงแล้ว ราคาคาร์บอนเครดิตในแต่ละประเทศไม่ได้สามารถเปรียบเทียบกันตรงไปตรงมา เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา โดยเฉพาะ ‘กลไกตลาด’ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศไทย

ตลาดคาร์บอนเครดิตในประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ดำเนินงานภายใต้ ‘ตลาดภาคบังคับ’ (Compliance Market) ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้กำหนดเพดานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านระบบ Cap-and-Trade และจัดสรรสิทธิในการปล่อยมลพิษให้กับภาคอุตสาหกรรม หากบริษัทใดปล่อยก๊าซเกินกว่าเพดานที่ได้รับ ก็จะต้องซื้อสิทธิเพิ่มเติม หรือซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชย ซึ่งกลไกนี้ทำให้เกิดความต้องการขนาดใหญ่ที่มีความแน่นอน ส่งผลให้ราคาคาร์บอนเครดิตในตลาดภาคบังคับสูงขึ้นตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน ในทางกลับกัน ประเทศไทยใช้ ‘ตลาดภาคสมัครใจ’ (Voluntary Market) ซึ่งไม่มีการบังคับทางกฎหมาย องค์กรต่างๆ เข้าร่วมโดยสมัครใจเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนขององค์กร ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงมีความผันผวนและหลากหลายมากกว่าตลาดภาคบังคับ

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาคาร์บอนเครดิตในตลาดภาคสมัครใจมีความหลากหลาย ได้แก่ ประเภทของโครงการ เช่น โครงการป่าไม้ พลังงานทดแทน หรือการเกษตร มาตรฐานการรับรอง เช่น VERRA หรือ Gold Standard รวมถึง ปีที่เกิดเครดิต (Vintage Year) และ ผลประโยชน์ร่วมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (Co-benefits) อาทิ การสนับสนุนชุมชน หรือการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อราคาคาร์บอนเครดิตในระดับโครงการ

ปัจจุบัน โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ T-VER ภายใต้การกำกับของ อบก. ถือเป็นตลาดหลักของประเทศไทย ราคาซื้อขายเฉลี่ยของคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับราคาของตลาดภาคบังคับในต่างประเทศ จนนำไปสู่ข้อสรุปว่า ‘ราคาถูก’ กว่า แต่ในความเป็นจริง การพิจารณาเพียงแค่ ‘ราคาเฉลี่ย’ อาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของคาร์บอนเครดิตแต่ละประเภท และอาจถูกบิดเบือนไปจากข้อตกลงการซื้อขายที่มีปริมาณมากผิดปกติ ซึ่งดึงราคาเฉลี่ยไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างไม่เป็นธรรม

การประเมินราคาคาร์บอนเครดิตที่ถูกต้องจึงควรพิจารณาทั้งภาพรวมจากราคาเฉลี่ย เพื่อดูแนวโน้มของตลาด และพิจารณาราคาแยกตามประเภทโครงการเพื่อสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุน ผู้ซื้อขาย หรือผู้กำหนดนโยบาย การวิเคราะห์ราคาที่แยกตามประเภทโครงการจะช่วยให้เห็นว่าตลาดให้คุณค่าแค่ไหนกับคาร์บอนเครดิตจากโครงการต่างๆ เช่น โครงการป่าไม้ที่มีผลประโยชน์ร่วมสูง มักได้รับความสนใจมากกว่าพลังงานทดแทนที่มีผลประโยชน์ร่วมต่ำกว่า

แม้ว่าโดยภาพรวมราคาเฉลี่ยของโครงการ T-VER อาจดูไม่สูงนักเมื่อเทียบกับตลาดภาคบังคับในต่างประเทศ แต่หากพิจารณารายละเอียดเชิงลึก จะพบว่าบางประเภทของคาร์บอนเครดิตไทยมีราคาสูงมาก โดยเฉพาะโครงการป่าไม้หรือโครงการที่มีผลประโยชน์ร่วมชัดเจน ซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดคาร์บอนโลก ข้อมูลจากเว็บไซต์ตลาดคาร์บอน ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า คาร์บอนเครดิตจากโครงการป่าไม้มีราคาซื้อขายสูงสุดถึง 3,000 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) หรือประมาณ 92.22 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่โครงการ P-REDD+ มีราคาสูงสุด 2,000 บาทต่อตัน และราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,510.20 บาทต่อตัน ส่วนคาร์บอนเครดิตจากโครงการพลังงานทดแทนอย่างชีวมวล มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 50–75 บาทต่อตัน หรือประมาณ 1.5–2 ดอลลาร์สหรัฐฯ

หากเปรียบเทียบกับตลาดต่างประเทศในช่วงเดียวกัน รายงาน State and Trends of Carbon Pricing 2025 ระบุว่า โครงการประเภทป่าไม้ในตลาดภาคสมัครใจมีราคาปิดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน หรือ 504.21 บาท และโครงการ REDD+ อยู่ที่ 5.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน หรือ 172.41 บาท ขณะที่โครงการพลังงานทดแทนมีราคาต่ำกว่ามาก โดยอยู่ที่ราว 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35 บาทต่อหน่วยเท่านั้น

ข้อเท็จจริงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า คาร์บอนเครดิตไม่ได้มีมูลค่าเท่ากันทุกประเภท ราคาขึ้นอยู่กับกลไกตลาด ความต้องการในระบบ และคุณลักษณะของแต่ละโครงการ ดังนั้นการจะสรุปว่า ‘คาร์บอนเครดิตไทยราคาถูก’ จึงไม่สามารถใช้เพียงราคาเฉลี่ยเป็นตัวตัดสิน แต่จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลเชิงลึกควบคู่กันไป ทั้งประเภทโครงการ คุณภาพเครดิต และแนวโน้มของตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้เข้าใจภาพรวมและมูลค่าที่แท้จริงของคาร์บอนเครดิตไทยอย่างรอบด้าน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“หงส์แดง” ประกาศคว้า “เอกีตีเก” เสริมหอกอย่างเป็นทางการ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“แรชฟอร์ด” หวานเจี๊ยบบอกฝันเป็นจริงได้สวมเสื้อ “บาร์ซา”

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน! เก็บกู้ทุ่นระเบิดเกือบ 3 พันลูก เตือนปชช.ระวังอันตราย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตำรวจ ดส.บุกค้นบ้านจับแม่ค้าบุหรี่ไฟฟ้าย่านดินแดง ยึดของกลางกว่า 1,000 ชิ้น

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

อดีตผู้ว่าททท.ถอดรหัสตลาดท่องเที่ยวไทย ย้ำเร่งกู้จีนเที่ยวไทย

ฐานเศรษฐกิจ

อายิโนะโมะโต๊ะ เผย 3 แผนใหญ่ ปี 68 หลังทำรายได้ 3.2 หมื่นล้าน

SMART SME

ผู้ช่วยฯ “จักรพล” เดินหน้ายกระดับธุรกิจที่พักเพื่อการท่องเที่ยว จับมือกระทรวงมหาดไทย ผลักดันแนวทางเชิงรุก หนุนผู้ประกอบการเข้าระบบ

สวพ.FM91

Thai economic sectors at risk without reforms amid US trade talks

Thai PBS World

Broker ranking 23 Jul 2025

Manager Online

'รองนายกฯพิชัย' หารือประธานฯ บริษัท MinebeaMitsumi Inc. หนุนลงทุนต่อเนื่องในไทย พร้อมผลักดันด้านโลจิสติกส์และพลังงาน

VoiceTV

“รัฐบาลไทย” เรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ ลดระดับความสัมพันธ์

การเงินธนาคาร

“อภิสิทธิ์” จี้รัฐหยุดวนลูปแจกเงิน แนะปฏิรูปรากเศรษฐกิจ กิโยตินกฎหมาย-เพิ่มทักษะคนไทย

PostToday

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...