โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิดกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย จังหวะภาษีไทย-สหรัฐฯ ยังไร้ความชัดเจน

PostToday

อัพเดต 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผลการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ กับหลายประเทศมีความคืบหน้ามากขึ้น ล่าสุด ฟิลิปปินส์ จะเปิดตลาดเสรีให้แก่สินค้าจากสหรัฐ (ภาษี 0%) และจะร่วมมือกันด้านการทหาร แลกกับการที่สหรัฐฯ ลดภาษี RECIPROCALS เหลือ 19% (จาก 20%)

เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่น จะลงทุนในอเมริกามูลค่าถึง 5.5 แสนล้านดอลลาร์ แลกกับการที่สหรัฐฯ ลดภาษี RECIPROCALS เหลือ 15% (จาก 25%)

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้มีข้อตกลงทางการค้าไปแล้วหลายประเทศ ได้แก่ อังกฤษ (10%), เวียดนาม (20%), อินโดนีเซีย (19%) ,จีน (30%)

ขณะที่ไทย ยื่นข้อเสนอรอบสุดท้ายในให้กับสหรัฐฯ ในวันนี้ (23 ก.ค.2568) หลังจากยื่นข้อเสนอรอบแรกไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2568 และมีการเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ล่าสุดเมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาษีในระดับต่างๆ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยแตกต่างกันออกไป

  • หากภาษีเท่าเดิม 36% (หนักสุด) มีโอกาสเพิ่ม DOWNSIDE ให้กับ GDP GROWTH ไทยปีนี้โตต่ำกว่า 2.3%YoY ที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก รวมถึงการลงทุน FDI มีความเสี่ยงต่อการเกิด TECHNICAL RECESSION (GDP ติดลบ 2 ไตรมาสต่อกัน)
  • หากภาษีลดลงอยู่ในช่วง 20-36% ยังมีความเสี่ยงที่ต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่อัตราภาษีต่ำกว่า อย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ แต่ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะลดผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย และลดความเสี่ยงต่อการเกิด TECHNICAL RECESSION
  • หากภาษีต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกันกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน คาดลดแรงกดดันต่อภาคส่งออกและ FDI ขณะที่ GDP GROWTH มีโอกาสที่จะขยายตัวได้ราว +2%YoY

อย่างไรก็ตาม ตามข้อเสนอของ รมว.คลัง ที่ออกแถลงตามสื่อต่างๆ จับใจความได้ว่ามีข้อเสนอที่คล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้าน คือการยกเลิกภาษีทั้งหมดสำหรับสินค้าสหรัฐฯ และเปิดตลาดให้สหรัฐฯ แบบปลอดภาษี (0%) รวมถึงการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น ทั้งเครื่องบิน BOEING-สินค้าเกษตร-อุปกรณ์ทางการทหาร, การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ เป็นต้น

ดังนั้นจึงมองว่าไทยน่าจะถูกเก็บ RECIPROCAL TARIFF ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน คือระดับต่ำกว่า 20% และหนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในอนาคตเช่นเดียวกัน

โดยกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เน้นหุ้นที่ต่างชาติให้ความสนใจ โดยการซื้อสุทธิเยอะสุด 10 ใน 11 วันทำการ (ข้อมูลสิ้นสุด 7 -22 ก.ค.2568) และผลตอบแทนยังไม่ปรับตัวขึ้นมากนัก อาทิ AOT, CPALL, KTC, KBANK, CPN, SCC, WHA, CPF, BBL, ADVANC, OR, CBG, PTT, HANA, AMATA, TOP, BH, SAWAD, PTTGC, CK เป็นต้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PostToday

เจรจาภาษีทรัมป์คืบหน้า ปิดดีลญี่ปุ่น ดันตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก

35 นาทีที่แล้ว

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค. 68

50 นาทีที่แล้ว

เปิดคำพิพากษาศาลทหารสูงสุดคดีซ้อมนักเรียนเตรียมทหาร

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“อภิสิทธิ์” จี้รัฐหยุดวนลูปแจกเงิน แนะปฏิรูปรากเศรษฐกิจ กิโยตินกฎหมาย-เพิ่มทักษะคนไทย

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

เปิดแล้ว “ASEAN Tools Expo 2025” เวทีเครื่องมือช่างระดับอาเซียน

ฐานเศรษฐกิจ

อดีตผู้ว่าททท.ถอดรหัสตลาดท่องเที่ยวไทย ย้ำเร่งกู้จีนเที่ยวไทย

ฐานเศรษฐกิจ

อายิโนะโมะโต๊ะ เผย 3 แผนใหญ่ ปี 68 หลังทำรายได้ 3.2 หมื่นล้าน

SMART SME

ผู้ช่วยฯ “จักรพล” เดินหน้ายกระดับธุรกิจที่พักเพื่อการท่องเที่ยว จับมือกระทรวงมหาดไทย ผลักดันแนวทางเชิงรุก หนุนผู้ประกอบการเข้าระบบ

สวพ.FM91

Thai economic sectors at risk without reforms amid US trade talks

Thai PBS World

Broker ranking 23 Jul 2025

Manager Online

'รองนายกฯพิชัย' หารือประธานฯ บริษัท MinebeaMitsumi Inc. หนุนลงทุนต่อเนื่องในไทย พร้อมผลักดันด้านโลจิสติกส์และพลังงาน

VoiceTV

“รัฐบาลไทย” เรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ ลดระดับความสัมพันธ์

การเงินธนาคาร

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...