ดาวโจนส์ พุ่ง 500 จุด- S&P 500 ทำนิวไฮนักลงทุนมั่นใจสหรัฐปิดดีลภาษีหลายประเทศก่อนเส้นตาย
ดาวโจนส์ พุ่งกว่า 500 จุด ขณะ S&P 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหญ่กับญี่ปุ่น พร้อมเดินหน้าเจรจา EU และชาติอื่น ๆ ก่อนถึงเส้นตายภาษี 1 ส.ค.
วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพุธ (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องข้อตกลงการค้ากระตุ้นความเชื่อมั่นในวอลล์สตรีทว่า สหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพิ่มเติมได้ก่อนถึงเส้นตายการเก็บภาษีที่กำลังจะมาถึง
- ดัชนี Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 507.85 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 45,010.29 จุด โดยห่างจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียงประมาณ 4 จุด
- ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.78% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,358.91 จุด ซึ่งนับเป็นการปิดที่จุดสูงสุดครั้งที่ 12 ของปีนี้ และยังแตะระดับสูงสุดระหว่างวันใหม่ระหว่างการซื้อขายอีกด้วย
- ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.61% ปิดที่ 21,020.02 จุด ถือเป็นการปิดเหนือระดับ 21,000 จุดเป็นครั้งแรก
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยผ่าน Truth Social ในคืนวันอังคารว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น โดยข้อตกลงนี้รวมถึงการตั้งภาษีแบบต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) ที่อัตรา 15% สำหรับสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นมายังสหรัฐ
และยังกล่าวเพิ่มเติมว่าสหรัฐกำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) เพื่อผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าในลักษณะเดียวกัน
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในช่วงบ่ายของวันพุธ หลังจาก Financial Times รายงานว่าสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงภาษี 15% กับสหภาพยุโรป ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับข้อตกลงระหว่างสหรัฐ–ญี่ปุ่น โดย Bloomberg ก็ยืนยันความคืบหน้านี้ โดยอ้างอิงจากนักการทูตที่ได้รับการสรุปผลการเจรจา
ทั้งนี้สหรัฐพยายามเร่งบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ ให้ได้ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าสหรัฐกับอินโดนีเซียได้บรรลุกรอบของข้อตกลงการค้าแล้ว ซึ่งตามมาจากข้อตกลงอื่น ๆ ที่สหรัฐได้ลงนามกับจีน สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ ก่อนหน้านี้
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากทรัมป์เคยสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดในวันที่ 2 เมษายน โดยประกาศการเก็บภาษีในวงกว้าง แต่ภายหลังได้เลื่อนการบังคับใช้
หลุยส์ นาเวลลิเยร์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนแห่ง Navellier & Associates กล่าวว่า “จนถึงตอนนี้ ยุทธศาสตร์ภาษีของทรัมป์ดูเหมือนมีแรงบันดาลใจสูง สร้างรายได้อย่างจริงจัง และดึงดูดการลงทุนมหาศาลเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยยังไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือเงินเฟ้ออย่างที่หลายฝ่ายเคยกังวล …ตลาดหุ้นก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดไม่ได้กลัวผลกระทบเชิงลบแต่อย่างใด”
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในวันพุธ ยังเป็นการปิดตลาดในระดับสูงติดต่อกันเป็นวันที่สองของ S&P 500
การพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่นี้ได้จุดประกาย “Animal Spirits” (ความเชื่อมั่นหรือแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่เกิดจากอารมณ์มากกว่าเหตุผล) ในวอลล์สตรีท โดยหุ้นของบริษัทขนาดเล็กที่มีชื่อเสียงแต่ฐานะการเงินไม่แข็งแรงเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุน เช่น หุ้น Kohl’s พุ่งขึ้นในวันอังคาร หุ้น GoPro และ Krispy Kreme ปรับตัวขึ้นในวันพุธ
นักลงทุนยังรอผลประกอบการจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อย่าง Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) และ Tesla ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลหลังปิดตลาดในวันพุธ โดยรายงานเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลประกาศงบการเงินของกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้นำตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อ้างอิง : cnbc.com