ครัวซองต์แพงขึ้น! วิกฤตเนยถล่มโลกราคาพุ่ง 30% เบเกอรี-ร้านอาหาร ส่อแบกไม่ไหว
เสียงอบขนมปังหอมกรุ่นและครัวซองต์ร้อนๆ จากเตาอาจเป็นสวรรค์ของใครหลายคน แต่สำหรับร้านเบเกอรีชื่อดังอย่าง Mamiche ในกรุงปารีส สวรรค์แห่งนี้กำลังสั่นคลอน เมื่อวัตถุดิบสำคัญอย่าง ‘เนย’ กำลังกลายเป็นของหายากและมีราคาแพงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนทำให้พวกเขาต้องวิ่งวุ่นหาซัพพลายเออร์รายใหม่เพื่อไม่ให้การผลิตต้องหยุดชะงัก และนี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นแค่ในฝรั่งเศส แต่เป็นวิกฤตที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก
โรบิน ออร์โซนี ผู้จัดการฝ่ายการค้าของ Mamiche ยอมรับว่าการเปลี่ยนเนยเจ้าประจำส่งผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะซัพพลายเออร์รายใหม่คิดราคาแพงขึ้นถึง 25-30% แต่ทางร้านก็จำเป็นต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ไว้เอง
เขากล่าวว่า “เราอยากให้ลูกค้าของเรามีความสุข เราจำเป็นต้องใช้เนย” ซึ่งย้ำให้เห็นถึงภาพความท้าทายที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญหน้า กับราคาเนยที่พุ่งสูงจนน่าตกใจ
สถานการณ์ ‘ขาดแคลน’ นี้มีต้นตอมาจากผู้ผลิตและส่งออกเนยรายใหญ่ที่สุดของโลกสองแห่งคือยุโรปและนิวซีแลนด์ ซึ่งต่างเริ่มต้นปี 2025 ด้วยปริมาณเนยคงคลังที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
ปัญหานี้สืบย้อนไปตั้งแต่ปี 2022 ที่ต้นทุนการผลิตนมสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงาน ทำให้ผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์นมต้องมองหาหนทางทำกำไรสูงสุดเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
ทางเลือกที่พวกเขาพบคือการหันไปผลิต ‘ชีส’ แทนเนย เพราะกระบวนการผลิตชีสสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำนมได้ทั้งก้อน แม้กระทั่งผลพลอยได้อย่าง ‘เวย์’ (Whey) ก็ยังเป็นที่ต้องการสูงในตลาดอาหารและอาหารเสริม
ต่างจากการผลิตเนยที่เหลือส่วนของบัตเตอร์มิลค์ซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า ส่งผลให้ปริมาณการผลิตเนยในสหภาพยุโรปลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีในปีนี้
ซ้ำร้าย ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมก็ดูเหมือนจะยังไม่จบสิ้น เมื่อขนาดฝูงวัวในยุโรปลดลงจากแรงกดดันทางการเงิน และยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคระบาดในสัตว์ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อปริมาณน้ำนมดิบที่ผลิตได้ ขณะที่การผลิตเนยในนิวซีแลนด์เองก็ยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
ในขณะที่ปริมาณเนยในตลาดโลกลดลง ความต้องการกลับสวนทางและเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเอเชียที่ผู้บริโภคหันมานิยมบริโภคเนยมากขึ้น เห็นได้จากความต้องการในจีนที่โตขึ้นถึง 6% ในปีเดียว
เช่นเดียวกับไต้หวันและอินเดียที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ Bakehouse เชนเบเกอรีสัญชาติฝรั่งเศสในฮ่องกงต้องปรับเปลี่ยนผู้ผลิตเนยถึง 3 รายในเวลาอันสั้นเพื่อหาวัตถุดิบให้เพียงพอ
ทางฝั่งผู้บริโภคชาวตะวันตกเองก็กลับมาบริโภคเนยแท้มากขึ้น หลังจากที่หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปพิเศษ (Ultra-processed foods) ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันด้านอุปสงค์เข้าไปอีก แต่ผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้นก็เริ่มปรากฏให้เห็น เมื่อร้านอาหารดังในลอนดอนอย่าง Morchella ตัดสินใจเปลี่ยนเมนูขนมปังกับบราวน์บัตเตอร์ยอดนิยม มาเป็นการเสิร์ฟคู่น้ำมันมะกอกแทน
เบน มาร์กส์ หัวหน้าเชฟของร้านยอมรับว่า ในอดีตพวกเขาสามารถใช้เนยจำนวนมากในการทำอาหาร แต่ “ตอนนี้คุณต้องฉลาดขึ้นมากในการใช้” และมองว่าเป็นเรื่องที่ ‘หลีกเลี่ยงไม่ได้’ ที่ลูกค้าจะต้องเผชิญกับราคาอาหารที่สูงขึ้นในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่คลี่คลายในเร็ววัน ตราบใดที่ความขัดแย้งทั่วโลกและปัญหาซัพพลายเชนยังคงอยู่ และความต้องการตามฤดูกาลอย่างไอศกรีมหรือครีมสำหรับเทศกาลต่างๆ ก็ยิ่งทำให้ราคาเนยไม่มีแนวโน้มจะลดลงเลย
ภาพ:Liz Hafalia/The San Francisco Chronicle via Getty Images
อ้างอิง: