“ญี่ปุ่น” กดดัน “สหรัฐ” ลดภาษีนำเข้ารถยนต์-ชิ้นส่วนยานยนต์ เหลือ 15%
"ญี่ปุ่น" กดดัน "สหรัฐ" ลดภาษีนำเข้ารถยนต์-ชิ้นส่วนยานยนต์ เหลือ 15% หัวหน้าคณะเจรจาการค้าญี่ปุ่นเตือนเศรษฐกิจและระเบียบโลกกำลังเผชิญความปั่นป่วนจากท่าทีของประเทศมหาอำนาจ
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 10.16 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หัวหน้าคณะเจรจาการค้าของญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นจะยังคงผลักดันให้สหรัฐลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ลงเหลือ 15% ตามที่ให้คำมั่นไว้ในข้อตกลงการค้า และจะดำเนินการเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับคู่แข่งต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรียวเซ อาคาซาวะ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่กรุงโตเกียวว่า “เราจะยังคงเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐดำเนินการตามข้อตกลงล่าสุดโดยเร็ว รวมถึงการลดภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เราต้องการให้สหรัฐปฏิบัติตามคำมั่น และญี่ปุ่นเองก็จะทำในสิ่งที่เราได้ให้คำมั่นไว้เช่นกัน”
คำแถลงของอาคาซาวะมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อลดภาษีแบบตอบโต้ (reciprocal tariffs) สำหรับสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ โดยอัตราภาษีของญี่ปุ่นจะถูกปรับลดลงเหลือ 15% ภายในหนึ่งสัปดาห์ จากระดับที่เคยถูกขู่ไว้ว่าจะเพิ่มเป็น 25%
อย่างไรก็ตามยังคงไม่มีความชัดเจนว่าเมื่อใดภาษีนำเข้ารถยนต์จะถูกปรับลดลงจากระดับรวม 27.5% ซึ่งรวมภาษีเดิมที่มีอยู่แล้ว 2.5% เหลือ 15% ได้ตามที่ตกลงกันไว้ โดยภาษีรถยนต์ถือเป็นประเด็นสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้เป็นภาคส่งออกหลักของประเทศไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นทั้งพันธมิตรทางการค้าและด้านความมั่นคงที่สำคัญ
“เรามุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของเราสามารถแข่งขันได้ภายใต้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวย หรืออย่างน้อยก็ไม่เสียเปรียบ” อาคาซาวะกล่าว
พร้อมเสริมว่า “ท้ายที่สุดแล้วอัตราภาษี 15% ก็ยังคงอยู่ เราไม่สามารถพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องดี เพียงเพราะเราไม่ได้เสียเปรียบคู่แข่งเท่านั้น”
ทั้งนี้อาคาซาวะได้ลงนามในข้อตกลงการค้าฉบับเซอร์ไพรส์ร่วมกับทรัมป์เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ระหว่างการเยือนวอชิงตันครั้งที่แปดนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยในวันศุกร์ เขาระบุว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องจับตาดูผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐที่อาจมีต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการค้าโลก
“เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ประเทศมหาอำนาจกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ตั้งแต่กฎทางการทูตไปจนถึงระเบียบโลก ผมเชื่อว่า ทั้งเศรษฐกิจและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์กำลังเผชิญกับความปั่นป่วน และการนำพาผ่านช่วงเวลาเช่นนี้อย่างแม่นยำ เป็นภารกิจที่ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ”