‘เศรษฐกิจสุขภาพ’ 11 % ของGDP สธ.คาดใน 3 ปีขยายตัวถึง 1.98 ล้านล้าน
กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ขานรับนโยบาย “เศรษฐกิจสุขภาพ” ของรัฐบาล ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น “Medical & Wellness Hub” เต็มรูปแบบ) ผ่าน 6 กลไกสำคัญ ได้แก่ 1.การยกระดับภูมิปัญญาไทยและนวดไทย 2.การต่อยอดสมุนไพรไทย ยาไทย และอาหารไทย 3.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.การพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ 5.การยกระดับศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง และ 6.การส่งเสริมธุรกิจและบริการด้านสุขภาพบุคคลและความงาม ซึ่งมีมูลค่าเป้าหมาย 6.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.39% ของ GDP
คาดใน3 ปี มูลค่าเศรษฐกิจกว่า 1.98 ล้านล้าน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานประกาศนโยบายรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศและเปิดสำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ และศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะว่า สธ.ได้ขับเคลื่อนนโยบาย Medical & Wellness Hub โดยที่ผ่านมา มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการดำเนินงานตาม 6 กลไกข้างต้นแล้วกว่า 1.18 แสนล้านบาท คิดเป็น 17% ของเป้าหมาย 6.9 แสนล้านบาท และยังเกิดมูลค่าเศรษฐกิจรวมทางตรงและทางอ้อมอีก 3.72 แสนล้านบาท แยกเป็น
- ยกระดับภูมิปัญญาไทย มูลค่าทางตรง 2,056 ล้านบาท
- ยกระดับสมุนไพร มูลค่าทางตรง 48,604 ล้านบาท
- ส่งเสริมท้องเที่ยงเชิงสุขภาพ มูลค่าทางตรง 11,521 ล้านบาท
- ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ มูลค่าทางตรง 11,560 ล้านบาท
- ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง(ATMPs) มูลค่าทางตรง 27,677 ล้านบาท
- การดูแลสุขภาพบุคคลและความงาม 16,998 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 3 ปี มูลค่าเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมจะขยายเป็นกว่า 1.98 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 11.08% ของ GDP
ตั้งสำนักฯเศรษฐกิจสุขภาพ เร่งเครื่องงาน
หนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สธ.ได้จัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ และศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะ (Health Economics Intelligent Operation Center: IOC) รองรับการดำเนินงาน ให้มีระบบข้อมูลที่เชื่อมโยง สร้างความโปร่งใส และแม่นยำ ช่วยในการตัดสินใจเชิงนโยบาย เสริมสร้างบทบาทของไทยในฐานะ Medical & Wellness Hub บนเวทีนานาชาติ
สำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพแห่งนี้จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและบูรณาการการทำงานจากสำนักอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในกระทรวงฯ รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ข้อมูลด้านเศรษฐกิจที่มาจากทุกกระทรวงจะถูกผนวกรวมกัน โดยมีเป้าหมายด้านสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงเป็นหัวใจสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข
“เป้าหมายคือการทำให้ประเทศไทยเป็น "destination" หรือจุดหมายปลายทาง สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพ และส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีอายุยืนยาว ในอนาคตหากสามารถขยายบทบาทและความสำคัญของเศรษฐกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้โตขึ้น หน่วยงานนี้อาจพัฒนาไปเป็นกรมหนึ่งในสธ.”นายสมศักดิ์กล่าว
ยันไม่ได้ผ่อนปรนคุ้มครองผู้บริโภค
ข้อกังวลเรื่องมาตรฐานสินค้าสุขภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากสินค้าและบริการ ภายใต้การมุ่งขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของไทย เช่น สมุนไพรไทย หรือแพทย์แผนไทย ก็ต้องได้รับการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน อย. ของไทยให้ได้รับการยอมรับทั่วโลก ส่วนแพทย์แผนไทย กำลังอยู่ระหว่างการปรับมาตรฐานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก เพราะเพิ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับแพทย์แผนไทยอย่างมาก
“สธ. ไม่ได้ผ่อนปรนมาตรฐานลง แต่ทำให้กระบวนการต่างๆรวดเร็วขึ้น หากเป็นเมื่อก่อน อย. อาจถูกบ่นว่าช้า แต่ตอนนี้กลับมีคนบ่นว่าเร็วไป ยืนยันว่า มีความเข้มข้นมากกว่าเดิม ในการตรวจสอบสินค้าบริการต่างๆ รวมถึง สินค้าที่จะเข้ามาจากต่างประเทศ โดยไม่ได้ใช้มาตรฐานที่ต่ำกว่า แต่จะใช้มาตรฐานกลาง เช่น มาตรฐานยุโรป เพื่อให้ไทยสามารถอยู่ร่วมกับโลกได้”นายสมศักดิ์กล่าว
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ จะเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ วิจัย และขับเคลื่อนเชิงนโยบายอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ขณะที่ศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะ จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวโน้ม ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ
โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น Big Data, AI และ Dashboard แบบ Real-time เป็นระบบข้อมูลที่เชื่อมโยง ทันสมัย โปร่งใส เชื่อถือได้ ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ