โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์” ชี้ครึ่งหลังอสังหาฟื้น! รับดอกเบี้ยขาลง–มาตรการรัฐหนุน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ตลาดอสังหาริมทรัพย์นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมาได้รับปัจจัยกระทบที่หลากหลายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2568 ที่เห็นได้ชัดเจนน่าจะเป็นเรื่องของกำลังซื้อของคนไทยที่ลดลง ประกอบกับกลุ่มคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยลดลง ซึ่งมีผลต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และตลาดคอนโดมิเนียม ที่ต้องพึ่งพากำลังซื้อจากต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าคนจีน แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนจีนก็ยังเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 เพียงแต่จำนวนอาจจะลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีแนวโน้มที่มากขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่สัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติ คนจีนก็ยังมากเป็นอันดับ 1 เช่นเดิม และมากกว่าอันดับที่ 2 และ อันดับอื่นๆ แบบชัดเจน

นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ทั้งรายได้และกำไรยังอยู่ในอัตราที่สูง แม้อาจจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ผู้ประกอบการบางรายกลับสร้างผลกำไรได้ต่อเนื่อง ในอัตราที่ไม่ลดลง

โดยเฉพาะบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ที่มีผลกำไรมากที่สุด (2,212 ล้านบาท) แต่เพราะ LH ดำเนินธุรกิจที่หลากหลายทำให้มีรายได้เข้ามาในพอร์ตจากหลายช่องทาง แม้ว่าจะมีการเปิดขายโครงการใหม่ไม่มากนักในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) หรือ SIRI มีผลกำไรมากเป็นอันดับ 2 (2,028 ล้านบาท) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ช่วงที่ตลาดอสังหาฯ อยู่ในภาวะชะลอตัว แต่แสนสิริยังสามารถบริหารจัดการเรื่องของรายได้และกำไรได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะสร้างกำไรได้ดีแล้ว ยังมีผลต่อเนื่องไปถึงเรื่องของผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการผลตอบแทนจากการถือครองหุ้นระยะยาวที่คืนกลับมาในรูปแบบของเงินปันผล

นอกจากจะสร้างรายได้และกำไรจากการพัฒนาโครงการอสังหาฯเพื่อขายแล้ว SIRI ยังมีการบริหารจัดการเรื่องของรายได้ และกำไร รวมไปถึงเรื่องของการบริหารความเสี่ยงต่างๆ แบบต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ผลตอบแทนจากการถือครองหุ้นของแสนสิริ มีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากหุ้นแสนสิริสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง และจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 2 ครั้งมาตลอดในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้บางช่วงตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลากหลายประการ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อเนื่องไปถึงเรื่องของรายได้และกำไรของผู้ประกอบการในตลาดอสังหาฯ ทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์ แต่การที่หุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งสามารถจ่ายปันผลได้ต่อเนื่องมาตลอดเป็นระยะเวลา 10 ปี แสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นมีการบริหารจัดการเรื่องของรายได้และกำไรที่ดีแบบต่อเนื่อง

ทั้งนี้หากพิจารณาย้อนหลังกลับไป 10 ปี หุ้น SIRI มีอัตราของเงินปันผลอยู่ในช่วง 5–12% ต่อปี ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจ คือ ถ้านำผลตอบแทนหรือเงินปันผลของหุ้นแสนสิริมารวมกันจะพบว่าผู้ที่ถือหุ้นของแสนสิริในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้เงิน
ปันผลกลับไปแล้ว 1.21 บาทต่อหุ้น ซึ่งถ้าอ้างอิงจากราคาหุ้นของแสนสิริปัจจุบันอยู่ที่ 1.54 บาท (ราคาหุ้น ณ วันที่ 15 ส.ค. 68) ดังนั้นคนที่ถือหุ้นแสนสิริแบบยาวๆ มีความเป็นไปได้ ที่จะได้รับเงินปันผลกลับไปเกือบเท่ากับที่เงินลงทุน
ในเงินต้น หรือบางคนอาจจะได้มากกว่าเงินต้นไปแล้วถ้าซื้อตอนที่ราคาหุ้นต่ำกว่านี้ และ SIRI เตรียมประกาศจ่ายปันผล ระหว่างกาล 0.05 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคมนี้

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ SIRI สามารถจ่ายปันผลได้ เพราะผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ที่มีรายได้ 8,786 ล้านบาท มากกว่าไตรมาส 1/2568 ประมาณ 28% และมีกำไรสุทธิ 1,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 49% จากไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน เพราะช่วงไตรมาส 2 มีหลายโครงการของแสนสิริที่ปิดการขายได้ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

นอกจากนี้ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีความเป็นไปได้มากที่ตลาดอสังหาฯจะมีการขยายตัวในเรื่องของกำลังซื้อมากขึ้น เพราะแรงสนับสนุนจากหลายๆปัจจัย ทั้งเรื่องมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนองจากรัฐบาล มาตรการยกเว้น LTV จากธนาคารแห่งประเทศไทย การลดลงของดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยตามการลดลงของดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมไปถึงมาตรการทางการตลาดของผู้ประกอบการต่างๆ ที่ออกมากระตุ้นกำลังซื้อในประเทศไทย

ราคาหุ้นและปันผลต่อปีของหุ้นแสนสิริ (SIRI) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมายเหตุ: รวบรวม ณ วันที่ 15 สิงหาคม.2568

จากกราฟข้างต้น แสดงให้เห็นว่า มีความเหมาะสมกับนักลงทุนระยะยาว หรือ Value Investor เนื่องจากที่อยู่อาศัยถือเป็นปัจจัย 4 ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์หรือมีปัจจัยลบอะไรก็ตาม ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ เพียงแต่จะมีการขยายตัวในเรื่องของความต้องการมากน้อยอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ข่าวหุ้นธุรกิจ

แวะปั๊มด่วน! พรุ่งนี้ OR-BCP ขึ้นราคา “เบนซิน-แก๊สโซฮอล์” 40 สต./ลิตร

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผู้ถือหุ้น FVC ไฟเขียวซื้อกิจการ “WIE” มูลค่า 370 ล้านบาท สยายปีกธุรกิจอสังหา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

กพช. เคาะลดค่าไฟ 3.94 บาท พร้อมยกเลิกมติแยก SO ดันโรงไฟฟ้าเก่าลดภาระประชาชน

กรุงเทพธุรกิจ

‘รวยไม่หยุด’ สวนกระแสเศรษฐกิจ เร่งส่ง 4 แบรนด์ใหม่รุกตลาดครึ่งปีหลัง

ประชาชาติธุรกิจ

‘EGAT - MEA - PEA’ ผนึกกำลังชูอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน ในงาน Show and Share Innovation for the Better Life 2025

THE STATES TIMES

วิเคราะห์ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 หยุดพักฐานหรือพร้อมทะยานต่อ?

Finnomena

มช.เปิดตัว 8 นวัตกรรมการเรียนรู้แห่งอนาคต ก้าวสู่องค์กรระดับนานาชาติ

กรุงเทพธุรกิจ

แวะปั๊มด่วน! พรุ่งนี้ OR-BCP ขึ้นราคา “เบนซิน-แก๊สโซฮอล์” 40 สต./ลิตร

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ผู้ถือหุ้น FVC ไฟเขียวซื้อกิจการ “WIE” มูลค่า 370 ล้านบาท สยายปีกธุรกิจอสังหา

ข่าวหุ้นธุรกิจ

12 หุ้น “โรบอทเทรด” คึก! แรงซื้อ PTTGC ดันราคาปิดพุ่ง 15%

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

TPS ตุนแบ็กล็อก 1.7 พันล้าน ไฟเขียวปันผล 0.08 บาท 11 ก.ย.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

CMAN รุกเอเชียแปซิฟิกเต็มสูบ ขยายฐานลูกค้า–การผลิต หนุนการเติบโตยั่งยืน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

แก๊ง 4 โมงเย็น 21 ส.ค.68

ข่าวหุ้นธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...