‘รวยไม่หยุด’ สวนกระแสเศรษฐกิจ เร่งส่ง 4 แบรนด์ใหม่รุกตลาดครึ่งปีหลัง
สัมภาษณ์
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง ภาวะเงินกำลังซื้อที่หดตัว ไปจนถึงความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยต่างเลือกที่จะชะลอการลงทุนและปรับตัว เพื่อรักษาสถานะทางการเงินให้มั่นคงที่สุด
แต่สำหรับ “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่สร้างสีสันในตลาดอาหารตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลับเลือกที่จะเดินเกมสวนทางเศรษฐกิจ ด้วยการเร่งเดินหน้าขยายธุรกิจ สร้างแบรนด์ใหม่ และต่อยอดกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางกระแสลมต้าน
“เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” ประธานบริหาร บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารปิ้งย่างเกาหลีชื่อดัง nice two Meat u และเครือร้านอาหาร-เครื่องดื่มชื่อดังอีกหลากหลายแบรนด์ อาทิ Happy Pig, หมูกระทะคนรวย, Fire Tiger, Mil Toast House ฯลฯ ได้เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังปี 2568 และแผนการทำกลยุทธ์การตลาดหลังจากนี้ไป
พลิก ศก.ชะลอ-สู่โอกาสใหม่
“เกศ-ชุติมา” เล่าว่า ในช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ของปี 2568 นี้ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ผู้บริโภคมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง และความกังวลของผู้บริโภคที่ยังไม่กล้าใช้จ่ายเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคบางส่วนเริ่มชินกับข่าวร้ายทางเศรษฐกิจและสถานการณ์โลก ทำให้เริ่มกลับมากล้าใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและจีน ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายของร้านในเครือ เช่น “เกศเตี๋ยว” และ “Mil Toast House”
ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มนักท่องเที่ยว ยังคงต้องการที่จะมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการรับประทานอาหาร หรือการใช้ชีวิต จึงทำให้ธุรกิจร้านอาหารยังมีช่องว่างในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
จึงเชื่อว่าไตรมาส 4 ของปี 2568 จะเป็นช่วงที่ธุรกิจจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2567 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีเทศกาล รวมถึงมองว่าการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ๆ จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างได้อย่างแน่นอน โดยสิ้นปี 2568 คาดว่าจะมีรายได้ของเครือจะเติบโตขึ้นประมาณ 20%
“เวลาเศรษฐกิจไม่ดี เราก็ต้องมองต่างมุม เหมือนกับการลงทุนในหุ้นที่ควรซื้อเวลาหุ้นตก ไม่ใช่ตอนราคาพุ่งสูง ซึ่งอาหารนั้นผู้คนก็ยังต้องบริโภคอยู่ทุกวันเพียงแต่ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์และการนำเสนอที่แปลกใหม่ ไม่ใช่เพียงเมนูใหม่ แต่คือการพรีเซนต์เมนูเดิม ๆ ให้เข้ากับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค”
กลยุทธ์ที่ไม่มีกลยุทธ์
นอกจากนี้ “เกศ-ชุติมา” ยังได้บอกเล่าถึงกลยุทธ์ในการทำการตลาดในยุคสมัยใหม่ว่า แบรนด์จะต้องจับกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ให้อยู่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สร้างเทรนด์และมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคกลุ่มอื่น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen X ที่มักชอบลองทำอะไรตามแบบที่ Gen Z ทำค่อนข้างเยอะ เช่น การแต่งสตอรี่ หรือการแต่งภาพในไอจี ฯลฯ ดังนั้นหากแบรนด์สามารถครองใจ Gen Z ได้สำเร็จ กลุ่ม Gen Y และ Gen X ก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ
ขณะที่กลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ คือ “กลยุทธ์ที่ไม่มีกลยุทธ์” เพราะเราจะเน้นการปรับตัวรายวัน เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารของเราในเครือทุกร้านวันนี้จะอร่อยกว่าเมื่อวานเสมอ โดยเราจะเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการอยู่เสมอ ดังนั้นแม้รสชาติอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ วัน แต่เราเชื่อว่าการที่เรารับฟังเสียงลูกค้า จะทำให้ตอบรับกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
“เรามีคอนเซ็ปต์ว่าอาหารในเครือวันนี้ต้องอร่อยกว่าเมื่อวาน ปรับสูตร ปรับรสชาติไม่มีวันหยุด ถึงแม้ลูกค้าจะบอกว่ามากินทีไรรสชาติไม่เหมือนเดิม แต่เราจะทำให้อร่อยขึ้นเสมอ”
ลุ้นเปิดใหม่เกิน 8 แบรนด์ในสิ้นปี
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2568 บริษัทจะเดินหน้าขยายอาณาจักรด้วยการทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยึดเป้าหมายเดิมที่จะเปิดแบรนด์ใหม่ให้ครบ 8 แบรนด์ภายในสิ้นปี’68 นี้ ซึ่งปัจจุบันเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไปแล้ว 6 แบรนด์ ได้แก่ เกศเตี๋ยวป๊อก ป๊อก & ต้มยำ, ข้าวแกง & ปลาทู, Chago, Standard Bun, แจ่วฮ้อน So Hot ตราหมูดำ และ Juicy Baby
ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ จะมีการทยอยเปิดตัวเพิ่มอีก 4 แบรนด์ ได้แก่ ร้านอาหารญี่ปุ่น Rollishi ที่สยามสแควร์, ร้านก๋วยเตี๋ยวเกาหลี Daelim Korean Noodle ที่สยามสแควร์, ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมี่ยม Cheong Dam ที่ Dusit Central Park, ร้านอาหารไทยที่สยามสแควร์ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการคิดชื่อแบรนด์ โดยคาดว่าจะใช้งบฯลงทุนในการเปิดแบรนด์ใหม่อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท
ส่วนด้านแผนการขยายสาขาจะขยายร้าน “เกศเตี๋ยว” เพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลชิดลม และไอคอนสยาม ในเดือนตุลาคม 2568 นี้ ก่อนจะตามด้วยที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ในช่วงต้นปี 2569 จากปัจจุบันเกศเตี๋ยว มีอยู่เพียงแค่ 1 สาขา ที่สยามสแควร์วัน ควบคู่ไปกับการขยายร้าน “Happy Pig” เพิ่มอีก 1 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั้งหมด 3 สาขา
รวมถึงยังมีการรีโนเวตพื้นที่ร้านเดิม เช่น ตึก Fire Tiger ที่สยามสแควร์วัน ให้กลายเป็นพื้นที่รวมแบรนด์อาหารหลายประเภท เพื่อสร้างความหลากหลายในการเลือกซื้อ และเพิ่มการสร้างรายได้ต่อหัวของลูกค้าอีกด้วยเช่นกัน
“กลยุทธ์สำคัญไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนสาขาของแบรนด์เดิม แต่เป็นการเพิ่มความหลากหลายของแบรนด์ในเครือ ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขายจากลูกค้าที่ต้องการลองอะไรใหม่ ๆ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในตึก Fire Tiger ที่สยามสแควร์วัน ให้เป็นพื้นที่หมุนเวียนแบรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘รวยไม่หยุด’ สวนกระแสเศรษฐกิจ เร่งส่ง 4 แบรนด์ใหม่รุกตลาดครึ่งปีหลัง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net