เหตุใดอัตราเกิดมะเร็ง ในประเทศร่ำรวยจึง “สูงกว่า” ประเทศยากจน? ปรากฎว่ากลายเป็นข้อดี!
เหตุใดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง ในประเทศร่ำรวยจึง “สูงกว่า” ประเทศยากจน? ปรากฎว่ากลายเป็นเพราะข้อดี!
หลายคนสงสัยว่าทำไมประเทศร่ำรวยอย่างออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรปจึงมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งสูงกว่าประเทศยากจน แต่รู้หรือไม่ว่า… ตัวเลขนี้อาจไม่ได้สะท้อนความจริง และไม่ได้หมายความว่าประชากรในประเทศยากจนมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งน้อยกว่า
จากข้อมูลของสำนักงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ระบุว่า ประเทศที่มีอัตราการเกิดโรคมะเร็ง “สูงที่สุด” ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีระบบสาธารณสุขที่ทันสมัย และมีศักยภาพในการคัดกรองที่ดี
ออสเตรเลียเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีอัตราผู้ป่วยประมาณ 462 รายต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมะเร็งผิวหนัง, มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
ลำดับถัดไปคือนิวซีแลนด์ (427), เดนมาร์ก (374), สหรัฐอเมริกา (367), นอร์เวย์ (358) ประเทศเหล่านี้มีอัตราการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่สูง
ในทางตรงกันข้าม ประเทศและดินแดนที่มีอัตราการเกิดโรคมะเร็ง “ต่ำที่สุด” มักเป็นประเทศยากจน เช่น เซียร์ราลีโอน แกมเบีย คองโก รวันด ซึ่งมีอัตราผู้ป่วยน้อยกว่า 100 ราย ต่อประชากร 100,000 คน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ส่วนใหญ่สะท้อนถึงการขาดระบบคัดกรองและสถิติ มากกว่าความเป็นจริงของโรค อีกทัังยังพบว่าในประเทศเหล่านี้ มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูง เนื่องจากมักตรวจพบในระยะท้ายและขาดการรักษา
- อุทาหรณ์ชีวิต หนุ่มอายุแค่ 27 ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้นเหตุคือ "เมนูโปรด" กินทุกคืนไม่เบื่อ!
- แพทย์ไขปริศนา เอาหูแนบหมอน ทำไมถึง “ได้ยิน” เสียงหัวใจเต้น เป็นสัญญาณเตือนอะไร?
สถาบันมะเร็งดานา-ฟาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การที่อัตราการเกิดมะเร็งในประเทศร่ำรวยสูงกว่าในประเทศยากจน สาเหตุหลักมาจากวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล สภาพความเป็นอยู่ และระบบสาธารณสุข
ประการแรก ในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ ระบบสาธารณสุขยังอ่อนแอ ขาดแคลนแพทย์ โรงพยาบาล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการคัดกรอง วินิจฉัย และสถิติโรคมะเร็ง ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการตรวจพบ หรือรายงานต่ำกว่าความเป็นจริง
ยกตัวอย่างเช่น ในบางประเทศแถบแอฟริกา มีการติดตามผู้ป่วยในระบบข้อมูลโรคมะเร็งน้อยกว่า 2% ของประชากร เมื่อเทียบกับมากกว่า 85% ในอเมริกาเหนือ ดังนั้น อัตราการเกิดโรคมะเร็งในประเทศยากจนอาจดูต่ำบนกระดาษ แต่อาจไม่สะท้อนความเป็นจริง
ประการที่สอง ประเทศร่ำรวยมีอายุขัยเฉลี่ยสูงกว่า หมายความว่าผู้คนมีอายุยืนยาวกว่า และมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง ขณะเดียวกัน ในประเทศยากจนหลายประเทศ ผู้คนอาจเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อ ก่อนถึงอายุที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็งมากที่สุด
ประการที่สาม วิถีชีวิตสมัยใหม่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ยังส่งผลต่อความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น ปัจจัยต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารแปรรูป การขาดการออกกำลังกาย โรคอ้วน ฯลฯ ล้วนเป็นสาเหตุของความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งหมายความได้ว่า เมื่อประเทศกำลังพัฒนาเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปสู่ “วิถีตะวันตก” อัตราการเกิดโรคมะเร็งในประเทศกำลังพัฒนาก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ประเทศที่ร่ำรวยมักจะมีระบบสาธารณสุขที่ก้าวหน้า ซึ่งช่วยให้ตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นผ่านโครงการคัดกรองและตรวจวินิจฉัย ปัจจัยนี้ยังส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการวินิจฉัยเพิ่มขึ้นด้วย
สรุปได้ว่า ประเทศร่ำรวยมีอัตราการตรวจพบมะเร็งสูงกว่าเนื่องจากระบบสุขภาพที่ดีกว่า อายุขัยที่ยืนยาวกว่า และวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่ก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงมากมาย