โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘เจน Z’ มองการโทรโดยไม่บอกก่อน ไร้มารยาท รุกล้ำความเป็นส่วนตัว

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

โทรศัพท์” เป็นช่องทางการสื่อสารที่ใช้มาเป็นร้อยปีแล้ว และตอนนี้โลกมีวิธีการสื่อสารที่หลากหลายตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ใช่ทุกคนที่จะโอเคกับการรับสายโทรศัพท์ที่อยู่ ๆ ก็โทรเข้ามาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยเฉพาะเด็กเจน Z ที่มองว่าเป็นการกระทำที่หยาบคาย ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว หรือสร้างความตื่นตระหนกมากเกินจำเป็น

มารยาทในการโทรศัพท์ไม่เคยซับซ้อนเท่านี้มาก่อน ในตอนนี้คนแต่ละรุ่น มีทัศนคติไม่ตรงกันเกี่ยวกับการโทรหาใครสักคนโดยไม่บอกล่วงหน้า คนรุ่นก่อนเคยชินกับการรับสาย เพราะเป็นช่องทางการติดต่อที่สะดวกและใช้มาตั้งแต่จำความได้ ทำไมการโทรหาโดยไม่บอกก่อนถึงกลายเป็นเรื่องไม่มีมารยาท แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาก็มีการแชทแล้ว มองว่าการโทรศัพท์ไม่ใช่สิ่งสำคัญมากขนาดนั้น ถ้าจะโทรหาก็ควรบอกกล่าวกันก่อน

ผลสำรวจในปี 2023 ของกลุ่มคนเจน Z ในออสเตรเลีย อายุระหว่าง 18-26 ปี กว่า 1,000 คน พบว่าเกือบ 60% กลัวการโทรออกหรือรับสายโทรศัพท์ อีกกลุ่มหนึ่งจากสหรัฐพบว่า คนรุ่นมิลเลนเนียล 81% รู้สึกวิตกกังวลก่อนจะโทรออก

สอดคล้องกับ จากผลสำรวจของ YouGov พบว่าคนวัย 18-24 ปี นิยมส่งข้อความมากที่สุด รองลงมาคือคนวัย 25-34 ปี ในบรรดาพนักงานออฟฟิศ 2,000 คน ที่บริษัทจัดหางาน Robert Walters สำรวจในเดือนมีนาคม พบว่ามีเพียง 16% ของคนรุ่นเจน Z ระหว่างปี 1997-2012 คิดว่าโทรศัพท์เป็นรูปแบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

นาเรลล์ ฮอปกิน หัวหน้าคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมอร์ด็อก ศึกษาทัศนคติของคนรุ่นใหม่ต่อการใช้โทรศัพท์ พบว่า “ความหวาดกลัวโทรศัพท์” (Telephone phobia) อาจเป็นสาเหตุของการสูญเสียทักษะการสื่อสารที่สำคัญในคนรุ่นใหม่ เนื่องจากพวกเขารู้สึกไม่สบายใจที่จะรับสายโทรศัพท์โดยไม่ทันตั้งตัวหรือไม่มีการเตือนล่วงหน้า

บางคนถึงกับบอกว่า พวกเขาจะไม่รับสายโทรศัพท์เลย แม้แต่จากผู้ปกครองก็ตาม ปล่อยให้สายโอนไปยังวอยซ์เมลแล้วตอบกลับทางข้อความทีหลังนั้นง่ายกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเบอร์แปลก หมายเลขที่ไม่รู้จัก คนรุ่นใหม่เลือกจะไม่รับเลย ซึ่งนอกจากจะกลัวเป็นเบอร์ของมิจฉาชีพแล้ว คนรุ่นใหม่ยังตั้งคำถามว่า “ทำไมคนเหล่านี้ถึงเลือกที่จะโทรมาแทนการส่งข้อความ”

เมื่อเบอร์ไม่รู้จักที่โทรเข้ามาจะยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตระหนัก กลัวว่าจะเกิดเหตุร้าย หรือมีเรื่องฉุกเฉิน แต่พอรับสายแล้วกลับเป็นเบอร์จากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เช่น บริษัทประกัน หรือธนาคาร กลับกลายเป็นว่าพวกเขารู้สึกหงุดหงิด เหมือนถูกดักฟัง และมองว่าการกระทำแบบนี้สร้างความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น

สำหรับวัยรุ่นแล้ว การโทรไม่ใช่วิธีการสื่อสารแบบปรกติอีกต่อไป พวกเขาจะเลือกใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เช่น สถานการณ์ฉุกเฉิน ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ หรือเมื่อต้องการการปลอบโยนอย่างเร่งด่วน ส่วนกรณีอื่น ๆ จะใช้การส่งข้อความเป็นหลัก เพราะมองว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

เหตุผลไม่ได้อยู่ที่ความขี้เกียจ แต่เป็นเพราะการสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะเป็นข้อความ บันทึกเสียง หรือข้อความส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย สามารถควบคุมได้มากกว่า มีเวลาได้คิดคำตอบ ผ่านตัวเลือกต่าง ๆ เช่น การร่าง ลบ เขียนใหม่ ตอบทีหลัง และแก้ไขข้อความ ซึ่งช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ

แตกต่างจากการรับสาย ที่จะต้องตอบรับทันที ไม่มีเวลาคิด ไม่สามารถเตรียมตัวได้ สำหรับวัยรุ่นหลายคนแล้วความเร่งด่วนนี้ถูกมองว่าสร้างความเครียด เป็นการสูญเสียการควบคุม ไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งที่ต้องการจะพูด อาจพูดติดขัด พูดมากหรือน้อยเกินไป หรือเผลอพูดสิ่งไม่ดีออกไป

ดังนั้นคนรุ่นใหม่หลายคนจึงเลือกไม่รับสายผู้ปกครอง ปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยส่งข้อความหาภายหลัง ปฏิกิริยาแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาปฏิเสธหรือไม่สนใจ แต่เป็นเพราะพวกเขาความต้องการพื้นที่ส่วนตัว อยากเลื่อนการสนทนาออกไป และการจัดการตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองในขณะนั้น

โทรศัพท์จึงกลายเป็นเครื่องมือใช้หลีกเลี่ยงการพูดคุย หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือ เครื่องมือที่ใช้ตัดสินใจว่าจะปล่อยให้เสียงนั้นดังขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาสมดุลในความสัมพันธ์

The Washington Post เผยแพร่บทความแนะนำ มารยาทในการโทรศัพท์ในยุคดิจิทัลออกมา โดยระบุว่า การโทรหาใครสักคนโดยไม่บอกกล่าวอาจทำให้ผู้รับรู้สึกเครียด ควรส่งข้อความถามก่อนว่าตอนนี้ว่างคุยไหม หรือกำหนดเวลาโทรให้ชัดเจน พร้อมระบุด้วยว่าต้องการจะพูดคุยเรื่องอะไร แต่ไม่ควรส่งข้อความสั้นเกินไป เช่น “โทรกลับด้วย” เพราะจะทำให้ผู้รับรู้สึกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและมีเหตุฉุกเฉินมากเกินไป

พร้อมเน้นย้ำว่าขั้นตอนเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการวิดีโอคอล เพราะฝั่งผู้รับสายอาจจะไม่อยู่ในสถานการณ์ที่พร้อมเปิดกล้อง อาจทำให้ทุกคนรู้สึกอับอาย

ขณะเดียวกัน การไม่รับสายก็ไม่ใช่ว่าไม่มีมารยาท พวกเขาอาจจะไม่ว่างรับสาย อาจจะติดภารกิจใด ๆ อยู่ ผู้รับสายมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่รับสาย แต่ก็ควรจะส่งข้อความบอกสักหน่อยว่าไม่ว่าง เดี๋ยวติดต่อกลับ

ลิซซี่ โพสต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาทและประธานร่วมของสถาบันเอมิลี่ โพสต์ กล่าวว่า “เราทุกคนสามารถควบคุมโทรศัพท์ของตัวเองได้ และตัดสินใจได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะรับสายหรือไม่ ถ้ามีคนขัดจังหวะคุณและคุณรู้สึกไม่พอใจ ลองเดาดูสิว่าใครเป็นคนผิด คุณคือคนที่รับสายในเวลาที่ไม่ควร”

สำหรับชาวเจน Z แล้ว การไม่รับสายไม่ได้ถูกมองว่าหยาบคายอีกต่อไป การโทรหาโดยไม่แจ้งล่วงหน้าดูหยาบคายมากกว่าเสียอีก

แอนน์ คอร์ดิเยร์ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยลอร์เรน แนะนำว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องกำหนดขอบเขต “ความสุภาพทางดิจิทัล” ในอดีต การโทรศัพท์ถูกมองว่าเป็นเพียงการแสดงความห่วงใย แต่ปัจจุบันอาจถูกมองว่าเป็นการล่วงล้ำ ขณะเดียวกัน การตอบกลับผ่านข้อความยังช่วยสร้างโครงสร้าง มีเวลาให้คิด และเปิดโอกาสให้แสดงออกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีทางเลือกที่จะหลีกเลี่ยง หรือเลื่อนการสื่อสารออกไป โดยไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างเปิดเผย

ไม่ใช่ว่าวัยรุ่นขาดความเห็นอกเห็นใจ ตีตัวออกหาก เย็นชา ไม่สนใจ แต่พวกเขาเพียงแค่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจในอีกรูปแบบ เช่น การส่งข้อความก่อนโทร การส่งอีโมจิเพื่อบอกอารมณ์หรือความพร้อม และหาเวลาเหมาะสมที่จะพูดคุย

ตราบใดที่เรายินดีที่จะยอมรับมุมมองใหม่ ๆ เหล่านี้และพูดคุยกันโดยไม่ตัดสิน การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ใช่การพังทลายของความสัมพันธ์ทางสังคม แต่เป็นการสร้างรูปแบบการสื่อสารใหม่ที่ช่วยให้คนทุกเจนสามารถเชื่อมโยงถึงกัน

ที่มา: CNA, The Conversation, The Washington Post, The Wall Street Journal

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

เคาะราคา ZEEKR 7X SUV เพิ่มตัวเลือกใหม่ เริ่ม 1,399,000 บาท

36 นาทีที่แล้ว

โมดีลั่น ‘ไม่ขายเกษตรกร’ แลกดีลสหรัฐ พร้อมท้าชนภาษีทรัมป์ 50%

45 นาทีที่แล้ว

บพท. หนุนวิจัยแก้วิกฤตชายแดน จัดงบเร็ว - แม่นยำ รับปัญหาพื้นที่

52 นาทีที่แล้ว

“จตุพร” เปิดงาน Thailand E-Commerce Expo 2025 เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

คุยกับ Qanarn แบรนด์ที่ใช้รูปทรงเรขาคณิต เพื่อออกแบบเฟอร์นิเจอร์เอาต์ดอร์ โดย 2 ผู้ก่อตั้งที่ใช้ชีวิตบนเส้นขนาน

The Momentum

สังคมหน้า 14 : การเมือง “ระทึก” คลิปเสียงอิ๊งค์ อนาคตการเมืองที่ไม่แน่นอน

ประชาชาติธุรกิจ

“Fossil & Flame” ห้องอาหารได้แรงบันดาลใจจาก Jurassic World แห่งแรกของไทย

Manager Online

‘Beautiful Goodbye’ เมื่อทุกก้าวที่เปลี่ยนแปลงของการเติบโต คือความสวยงามของการจากลา

The MATTER

แนะนำสติกเกอร์ทางการออกใหม่สุดปัง! (ประจำวันที่ 11-15 สิงหาคม 2568)

LINE STORE

โลกแห่งจินตนาการกลมกลืนไปกับไลฟ์สไตล์ชีวิตชาวเมือง “The Imaginary Wood” อีเวนต์ศิลปะดิจิทัลครั้งของทรู ดิจิทัล พาร์ค X Mackcha Studio

Mango Zero

พิษแมลงก้นกระดกไม่ได้แค่คัน แต่มันคือภัยร้ายแรงที่คร่าชีวิต

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

Slot Machine ส่งซิงเกิลใหม่ Far Side of the Moon และ Am I in Love ประกอบ Shine the Series

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...