KKPS แนะซื้อ PTT เป้า 40 บ. ชูปันผลเด่น-แผนปรับโครงสร้าง หนุนความเชื่อมั่น
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT พร้อมราคาเป้าหมายที่ 40 บาท แม้จะเผชิญกับผลประกอบการที่ท้าทายในไตรมาส 2 ปี 2568 แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลยุทธ์การปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัทอยู่
โดยผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT) ของ PTT ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 21,500 ล้านบาท ลดลงจาก 23,300 ล้านบาทในไตรมาสก่อน หากตัดรายการพิเศษออก กำไรหลักลดลงจาก 20,900 ล้านบาท เหลือ 17,800 ล้านบาท สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568 กำไรสุทธิคิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปี KKPS และ 48% ของ consensus ขณะที่กำไรหลักคิดเป็น 39% และ 41% ตามลำดับ
ด้านธุรกิจสำรวจและผลิต (E&P) ยังคงเป็นเสาหลักของ PTT โดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีสัดส่วนกำไรหลักถึง 52% ส่วนบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีส่วนร่วมอย่างมีนัยยะสำคัญที่ 7% เท่ากัน ขณะที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เป็นตัวถ่วงโดยมีผลขาดทุน 9% และ 1% ตามลำดับ
ส่วนธุรกิจก๊าซกลางน้ำยังคงเผชิญแรงกดดัน ธุรกิจด้านการขนส่งของบริษัท มี EBITDA ที่มั่นคงอยู่ที่ 7,100 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของ Gas Separation Plant (GSP) ทั้งลดลง โดย core EBITDA พลิกจาก 768 ล้านบาทในไตรมาส 1 มาเป็นขาดทุน 221 ล้านบาทในไตรมาส 2 แม้ต้นทุนวัตถุดิบจะคงที่และปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5% ที่เป็นปัจจัยลบสำคัญคือส่วนต่าง EBITDA ที่ลดลง โดยราคาพอลิเอทิลีน (PE) อ่อนตัว และราคาเอธานลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ 400-420 ดอลลาร์ต่อตัน
ด้านงานจัดจำหน่ายและการตลาด (S&M) เห็นผลงานดีขึ้น ด้วย EBITDA เพิ่มขึ้น 568 ล้านบาท มาอยู่ที่ 3,700 ล้านบาท จากราคาต้นทุนก๊าซที่ลดลง ขณะเดียวกันหน่วยธุรกิจก๊าซอื่นๆ ได้แก่ PTT LNG และ PTT NGD มี EBITDA รวมลดลง 4% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส อยู่ที่ 3,100 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจการค้าน้ำมันยังอ่อนตัว โดย EBITDA ลดจาก 1,700 ล้านบาทในไตรมาส 1 เหลือ 1,200 ล้านบาทในไตรมาส 2 เมื่อรวมผลกระทบจากกำไร-ขาดทุนทางบัญชีของสัญญา LNG
ทั้งนี้ KKPS มองว่า ราคาหุ้น PTT ขณะนี้ยังมีส่วนลดจากมูลค่าตามส่วนประกอบ (SoTP) ที่ 40 บาทต่อหุ้น และยังได้เปรียบจากอัตราเงินปันผลที่สูง โดยคาดว่าแผนปรับโครงสร้างที่จะดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะทยอยส่งผลดี ช่วยปลดล็อกศักยภาพและประสิทธิภาพในเครือข่ายบริษัทย่อยของ PTT