ผลสำรวจวันแม่ปี 68 ชี้! ครัวเรือนไทยแบกรับหนี้-โจทย์ SDGs ยังอีกไกล
ผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วง ‘วันแม่แห่งชาติ’ ปี 2568 จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ให้เห็นว่าวันแม่ไม่ได้เป็นเพียงช่วงเวลาของการแสดงความรักในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็น ‘ดัชนีสังคมวันแม่’ ที่สะท้อนสถานะทางเศรษฐกิจครัวเรือน สิทธิของแม่ และทิศทางการใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างชัดเจน
ซึ่งในอีกแง่มุมหนึ่งนั้นสามารถเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ได้หลายประการ โดย 47.7% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับวันแม่มาก และอีก 14.5% ให้ความสำคัญมากที่สุด ขณะที่ข้อมูลด้านเศรษฐกิจกลับชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ยังต้องเผชิญในระดับครัวเรือน
ในมิติ SDG 1 (ขจัดความยากจน) และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจ) พบว่าครัวเรือนส่วนใหญ่ยังคงมีความเปราะบาง โดย 59.9% มีรายได้พอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ 22.5% ต้องกู้ยืมเป็นครั้งคราว และ 2.9% ต้องกู้ยืมเป็นประจำ ภาระหนี้สินที่พบมากที่สุดคือค่าครองชีพที่สูงขึ้นถึง 20.2% ตามมาด้วยรายได้ไม่เพียงพอ 17.9% และภาระทางการเงินในครอบครัว 17.1% แม้จะเป็นโอกาสพิเศษ แต่มีประชาชนถึง 18.2% ที่จำเป็นต้องลดงบประมาณการใช้จ่าย ขณะที่ 23.1% เพิ่มงบ เหตุผลหลักในการเพิ่มงบคือเป็นวันพิเศษ 48.9% และราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น 38.7% เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างกำลังซื้อที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มรายได้
สำหรับSDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) ของขวัญที่เกี่ยวกับสุขภาพก็ยังคงได้รับความสนใจ เช่น ประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 7,000 บาท และโปรแกรมตรวจสุขภาพเฉลี่ย 6,500 บาท แม้บางประเภทจะมีการใช้จ่ายลดลง แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าสุขภาพยังคงถูกมองเป็นการลงทุนในระยะยาว ขณะที่เครื่องดื่มบำรุงร่างกายมียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 1,781 บาท ซึ่งบ่งชี้ถึงความใส่ใจในสินค้าที่ช่วยดูแลร่างกายของผู้สูงอายุ
ในด้าน SDG 5 (ความเท่าเทียมทางเพศ) ผลสำรวจระบุว่าประชาชน 36.2% เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสิทธิและสวัสดิการของแม่ในสังคม และ 31% เห็นว่าควรสนับสนุนแม่เลี้ยงเดี่ยวและครอบครัวที่มีความหลากหลาย สะท้อนถึงการตื่นตัวของสังคมต่อบทบาทของแม่และสิทธิสตรี ซึ่งเป็นแกนหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในส่วนของ SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) และ SDG 12 (การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน) พบว่าพฤติกรรมการซื้อของขวัญได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจ โดยสัดส่วนการซื้อทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 37.5% ขณะที่การซื้อเฉพาะออนไลน์ลดลงเหลือ 4.3% โดยปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อคือราคาถูกกว่า 40.2% และโปรโมชัน 39.6% ขณะที่ความสำคัญด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือลดลงจากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการกลับมาของการซื้อแบบเห็นสินค้าจริงและการเน้นความคุ้มค่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
นอกจากนี้ ในประเด็น SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา) โครงการ ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นตัวอย่างที่เชื่อมโยงวันแม่เข้ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ถึง 46.4% และส่วนใหญ่ระบุว่าโครงการดังกล่าวช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในระดับปานกลางถึงมาก อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายระหว่างการท่องเที่ยวและส่งเสริมให้มีการเลือกปลายทางใหม่ ๆ ซึ่งสะท้อนถึงพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่สามารถต่อยอดไปสู่โอกาสพิเศษอื่นๆ ได้
ผลสำรวจเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าวันแม่ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลแห่งความรักเท่านั้น แต่ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการประเมิน‘สุขภาพทางเศรษฐกิจและสังคม’ ของครัวเรือนไทย ดังนั้นหากต้องการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับแม่ ครอบครัว และชุมชน จำเป็นต้องดำเนินการในหลายมิติ ทั้งการลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ การยกระดับสวัสดิการของแม่ การส่งเสริมการใช้จ่ายอย่างรับผิดชอบ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะในท้ายที่สุดแล้ว หากคุณภาพชีวิตของแม่ดีขึ้น สังคมไทยก็จะมีความยั่งยืนมากขึ้นตามไปด้วย