‘คลัง’ บี้หน่วยงานเร่งสำรวจผลกระทบภาษีทรัมป์ จัดแพ็กเกจส่งอนุกลั่นกรองฯพิจารณา ยันมีงบรองรับ
‘คลัง’ กระทุ้งหน่วยงานเร่งสำรวจผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ก่อนบี้ส่งแพ็กเกจเยียวยาให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณา ยันมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจพอรองรับ พร้อมหนุนยกเครื่องเกษตรไทย เพิ่มประสิทธิภาพให้แข่งขันได้ มองแนวโน้มเศรษฐกิจปี 68 ฉลุยปักธงโต 2.2%
5 ส.ค. 2568 - นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วสำหรับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งไทยอยู่ที่อัตรา 19% แต่หลังจากนี้จะต้องมาพิจารณาในรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบว่ามีกลุ่มไหนบ้าง กระทบอย่างไร และจะต้องหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบ โดยในส่วนนี้เป็นหน้าที่กระทรวงเจ้าสังกัดแต่ละแห่งที่จะต้องไปเร่งทำการบ้าน อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ต้องไปดูให้ครบในทุกมิติของกลุ่มอุตสาหกรรม
หลังจากนั้นจะต้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับผลกระทบอุตสาหกรรมได้รับ และแนวทางในการดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบ เสนอมายังคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณา ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป โดยยืนยันว่าในปีงบประมาณ 2568 ยังมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจเหลืออีกราว 2.4 หมื่นล้านบาท และในปีงบประมาณ 2569 อีกราว 2.5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถใช้ดำเนินการได้
“ทุกคนไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะแต่ละส่วนต่างก็อยู่ในทีมไทยแลนด์ ช่วยกันเจรจามาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจะรู้อยู่แล้วว่าไทยมีการยื่นข้อเสนออะไรไปบ้าง ก็น่าจะทราบว่าจะมีผลกระทบกับกลุ่มไหนบ้าง แบบใดบ้าง ดังนั้นก็ให้แต่ละกระทรวงเสนอมาเป็นแพคเกจว่าระยะเร่งด่วนรัฐบาลควรให้ความ่วยเหลือแบบใดเพื่อลดผลกระทบ ต้องไปช่วยกันดู อยากให้ทุกส่วนเร่งยื่นคำขอมาเร็วที่สุด” นายลวรณ กล่าว
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการบ้านที่ต้องทำต่อ โดยเฉพาะเรื่องสัดส่วนการผลิตภายในประเทศ (Local Content) ที่หลายประเทศยังไม่นิ่ง และยังมีเรื่องที่ใหม่มาก ๆ อย่างเกณฑ์การคำนวณมูลค่าในประเทศ (Regional Value Content : RVC) ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะว่าอะไรนับได้ นับไม่ได้ RVC ในสินค้าเกษตรอาจจะมีแบบหนึ่ง แต่มี Local Content สูงได้ แต่สินค้าเกษตรอาจจะมี Local Content ต่ำลงมา ดังนั้นตรงนี้ยังไม่สามารถชี้แจงได้แบบเร็ว ๆ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ทุกประเทศมีการบ้านที่จะต้องไปทำกันต่อ ไม่ใช่เจรจาแล้วจบเลยแน่นอน อาจจะต้องรอรายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้จากทางสหรัฐฯ ประกาศออกมาอีกครั้ง
“เรื่องการลดข้อกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non Tariff Barriers) รวมถึงเกณฑ์ RVC สินค้า Transshipment ผมว่ายังมีรายละเอียดอีกเยอะที่ต้องคุย ตอนนี้ยังไม่ได้มีกรอบเวลา หรือเดตไลน์ มีเพียงเรื่องภาษีต่างตอบแทนเท่านั้นที่รู้ว่าใครได้เท่าไหร่ ซึ่งไทยได้มา 19% ตรงนี้ถือเป็นยกที่ 1 แต่หลังจากนี้เป็นเรื่องที่จะต้องไปคุยกันต่อว่าจะใช้เกณฑ์อย่างไร ลดได้อย่างไร” ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ
สำหรับในภาคเกษตรของไทย ภายหลังจากการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แล้ว มองว่าควรถือโอกาสนี้ในการปฏิรูปโครงสร้างภาคเกษตรไทยไปเลย ไม่ใช่แค่การเยียวยาผลกระทบเท่านั้น โดยกลุ่มไหนที่แข่งไม่ได้แล้วก็ต้องมารื้อกันทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุว่า ภาคเกษตรของไทยใช้พื้นที่เยอะ ใช้ปริมาณคนเยอะ แต่สร้างผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ โดยมีแชร์ในจีดีพีเพียง 8% เท่านั้น ซึ่งจะอยู่กันไปแบบไม่มีประสิทธิภาพคงไม่ได้ ดังนั้นเห็นว่าควรใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างเกษตรไทยใหม่ไปเลยน่าจะดีกว่า เพื่อให้ทุกคนอยู่ในจุดที่แข่งขันได้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ล่าสุดกระทรวงการคลังปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเป็น 2.2% ภายใต้สมมุติฐานภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ 18-20% ซึ่งเป็นการประเมินที่สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ในทิศทางที่ดีขึ้นเป็น 2% ด้วยเช่นกัน จากคาดการณ์เดิมที่ 1.8%