ปธ.สอท.ไม่อยากเห็นการเมืองสุญญากาศ กรณีนายกฯรอด รบ.ควรเร่งฟื้นความเชื่อมั่น ศก.
ปธ.สอท.ไม่อยากเห็นการเมืองสุญญากาศ กรณีนายกฯรอด รบ.ควรเร่งฟื้นความเชื่อมั่น ศก.
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดผยถึงเสถียรภาพการเมืองไทย กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 29 สิงหาคม ว่า ภาคเอกชนคงไม่ต้องการให้เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองขึ้นในประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงและซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงรอบด้านในช่วงเวลานี้ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน และอาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุน สะท้อนจากตัวเลขในช่วง 9 เดือนแรก (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) มีการเบิกจ่ายเพียง 370,330 ล้านบาท หรือ 39.8% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 80%
“สถานการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้ขาดเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีชะลอตัว อีกทั้งความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายสำคัญ เช่น การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ, การแก้ไขปัญหาชายแดน, การแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ ขณะเดียวกันไทยจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อรักษาตัวเลขการลงทุนและภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว” นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ดี หากเกิดกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ผิด มองว่าการตัดสินดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพและความมั่นใจให้แก่ทั้งภาคธุรกิจ นักลงทุน รวมถึงประชาชนโดยรวม อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป ทั้งนี้เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่การสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชนยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ การเดินหน้านโยบายที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การสร้างงาน และการดูแลคุณภาพชีวิต จะเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจต่อรัฐบาลในระยะยาว
นายเกรียงไกร กล่าวว่า แต่หากศาลวินิจฉัยว่านายกฯทำผิด เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี อาจเกิดขั้วรัฐบาลใหม่ มองว่าเสถียรภาพทางการเมืองถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะการเมืองที่มั่นคงช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนพัฒนานโยบายระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาไทยต้องเผชิญกับวิกฤตการเมืองหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สะท้อนจากตัวเลขจีดีพีไทยที่ขยายตัวต่ำกว่าคู่แข่งในช่วงหลังที่ผ่านมา ดังนั้นสิ่งที่ควรจะเป็นในระบบการเมืองไทยเพื่อเอื้อต่อการพัฒนาประเทศ คือการมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถดำเนินนโยบายระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงภาคการเมืองไทยจะต้องเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยการเคารพหลักการของประชาธิปไตยและกฎหมายอย่างเข้มงวด
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ปธ.สอท.ไม่อยากเห็นการเมืองสุญญากาศ กรณีนายกฯรอด รบ.ควรเร่งฟื้นความเชื่อมั่น ศก.
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th