'ไมโครซอฟท์' ชี้ AI หัวใจสำคัญสู่การพลิกโฉมธุรกิจยุคใหม่
"สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ AI ที่จะมาแทนที่คน แต่เป็นคนที่ใช้ AI ต่างหากที่จะมาแทนที่คนที่ไม่ยอมเรียนรู้" เป็นคำกล่าวของ "ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ในงาน “TCP Sustainability Forum 2025” เพื่อเน้นย้ำว่า ในยุคนี้ขนาดของธุรกิจไม่สำคัญเท่ากับ Mindset องค์กรที่จะอยู่รอดได้ต้องมีทัศนคติที่พร้อมจะเปิดรับและนำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ธนวัฒน์ ได้แนะแนวคิดและกลยุทธ์การใช้ AI เพื่อยกระดับธุรกิจใน 4 มิติหลัก ได้แก่
- การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Empower Productivity)
- การสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Reinvent Customer Engagement)
- การปรับเปลี่ยนกระบวนการธุรกิจ (Business Process Transformation)
- การเร่งสร้างนวัตกรรม (Innovation)
"AI สามารถเข้ามาเป็นลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน ที่จะช่วยให้ทุกคนในองค์กรทำงานได้เก่งขึ้นและมี Productivity สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การสร้าง AI Agent เพื่อรวบรวมและติดตามข้อมูลเฉพาะด้านได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าการใช้คน"
นอกจากนี้ AI ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalization) ที่ "เกินความคาดหวัง" ของลูกค้าได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
ในมิติของการปรับเปลี่ยนกระบวนการธุรกิจ "ธนวัฒน์" เสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า AI ไม่ได้เป็นแค่การทำซ้ำกระบวนการเดิม ๆ (Automate) แต่สามารถ "transform process" หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานทั้งองค์กรได้เลย
"โดยมีความเป็นไปได้ในการมี AI Agent เท่าจำนวนพนักงานเพื่อเพิ่มรายได้เป็นเท่าตัว และในด้านนวัตกรรม AI ก็ช่วยให้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวดเร็วขึ้นอย่างมหาศาล จากที่เคยใช้เวลาเป็นเดือนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอนนี้ AI สามารถสร้างและจำลองข้อมูลเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว"
ความยั่งยืน (Sustainability) และการบริหารจัดการตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ "ถ้าเราไม่ทำ โลกใบนี้ก็อยู่ไม่ได้ เพราะในโลกธุรกิจยุคใหม่ ความสำเร็จขององค์กรไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงลำพัง แต่ต้องเกิดจากความสำเร็จร่วมกันของทั้งระบบนิเวศ (Ecosystem)
ตัวอย่างที่น่าสนใจจากภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้นำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์และตรวจสอบความสอดคล้องของกฎหมายไทยกว่า 7,000 ฉบับกับระเบียบสากล 276 ฉบับ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการทำงานจากหลายปีเหลือเพียงไม่กี่เดือน แสดงให้เห็นว่า AI สามารถสร้างประโยชน์มหาศาลได้แม้ในหน่วยงานที่ทำงานด้านเอกสารและข้อกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล
การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์ จากเดิมที่เป็นเพียงผู้ผลิตซอฟต์แวร์สู่การเป็น "Enabler" หรือผู้สร้างโอกาส ที่ต้องการช่วยให้ทุกองค์กรบนโลกนี้กลายเป็น "Software Company" ของตัวเอง
"ธนวัฒน์"เชื่อมั่นว่า AI โดยเฉพาะ Generative AI จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้ และช่วยให้คนทั่วไปสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้าน Low Code / No Code อีกต่อไป
ความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จาก AI ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่สำคัญ "ธนวัฒน์"ชี้ว่าองค์กรที่ไม่สามารถ "โอบรับการเปลี่ยนแปลง" ได้จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และความได้เปรียบของบริษัทใหญ่ที่เคยมีในอดีตก็อาจลดลง เนื่องจาก AI เป็น "ตัวเร่ง" ให้เกิดความเท่าเทียมในด้านเทคโนโลยี ทำให้องค์กรขนาดเล็กสามารถเข้าถึงเครื่องมือในการวิจัยและพัฒนาได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือองค์กรต้องหาความสมดุลระหว่างผลตอบแทนทางธุรกิจกับการขับเคลื่อนเรื่อง ESG ที่เป็นเป้าหมายสำคัญในระยะยาวของโลก
แต่ความท้าทายเหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้หากองค์กรมี Mindset ที่เหมาะสม โดยเฉพาะการมีทัศนคติแบบ "HI"(Human-AI) ซึ่งหมายถึงการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ พร้อมกับทัศนคติที่ "Open" หรือเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน