หนุ่มสุพรรณบุรี ขนยา 4 ล้านเม็ด ถูกจับสารภาพ ถ้าไม่ทำก็ไม่รอด
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายโชติวัตฯ อายุ 30 ปี ข้อหา “ร่วมกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน อันเป็นการกระทำที่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 10 ห่อ ๆ ละ 10 ถุง บรรจุเป็นมัดหุ้มด้วยกระดาษไขครีม (ประทับตรารูปแอปเปิล มีอักษร 999 สีน้ำเงิน) จำนวน 46 มัด มัดละ 10,000 เม็ด รวมเป็นยาบ้า 460,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาวห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำพันด้วยเทปใส จำนวน 9 กระสอบ รวมยาบ้าทั้งสิ้นประมาณ 4,048,000 เม็ด
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Chevrolet สีเทา ทะเบียน ลพบุรี
3.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ iPhone สีเทา
สถานที่จับกุม : บริเวณปั๊มแห่งหนึ่ง ทล.2062 กม.10–11 ต.พระยืน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น
พฤติการณ์ : ก่อนเกิดเหตุ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดในลักษณะเป็นขบวนการผ่านพื้นที่ จ.ขอนแก่น จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนการจับกุม และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ออกตรวจมาถึงบริเวณ ทล.2062 เส้นทางบ้านทุ่ม–พระยืน–มัญจาคีรี พบรถยนต์กระบะสี่ประตู สีแดง ลักษณะโหลดเตี้ย หมวดจังหวัดอุทัยธานี ขับผ่านมา จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบผู้หญิงเป็นคนขับขี่ มีลักษณะท่าทางพิรุธ จึงได้เข้าตรวจสอบ สอบถามเบื้องต้นทราบว่า ได้เดินทางไปหาแฟนที่จังหวัดสกลนคร และกำลังจะเดินทางกลับไป จ.สุพรรณบุรี จากการตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่หญิงคนดังกล่าวมีลักษณะท่าทางพิรุธ เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ หญิงคนดังกล่าวพยายามพิมพ์ข้อความทางโทรศัพท์หาใครอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเชื่อว่าน่าจะมีรถที่ขนสิ่งของผิดกฎหมายขับตามมาด้านหลัง และแจ้งให้หญิงคนดังกล่าวเดินทางต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับรถย้อนกลับเข้าไปตรวจสอบภายในปั๊ม ปตท. แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 1 กม. เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Chevrolet สีเทา ทะเบียน ลพบุรี จอดอยู่ภายในปั๊ม มีลักษณะท่าทางพิรุธ จึงตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ไม่พบผู้ขับขี่ จึงใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในรถคันดังกล่าว พบก้อนสี่เหลี่ยมสีดำหลายก้อนอยู่ภายในรถ จึงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ พบผู้ต้องหากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำภายในปั๊ม
เมื่อผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม มีอาการตกใจและได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงไล่ติดตามและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ สอบถามผู้ต้องหารับว่าตนเป็นคนขับรถคันดังกล่าวมาเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจค้นรถ โดยก่อนทำการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ดูจนเป็นที่พอใจ ก่อนเริ่มทำการตรวจค้น และผลการตรวจค้นพบยาบ้าของกลางลำดับที่ 1 บรรจุอยู่ภายในรถคันดังกล่าว
สอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าตนเป็นคนขับรถคันดังกล่าวจริง โดยในตอนแรกได้รับการว่าจ้างให้ไปขนคนต่างด้าวที่ จ.บึงกาฬ เข้ามาส่งบริเวณภาคกลาง โดยตกลงค่าจ้างในการขน หัวละ 8,000 บาท แต่เมื่อมาถึงจุดนัดหมายที่ปั๊ม ปตท.แห่งหนึ่ง ที่ จ.บึงกาฬ ได้มีชาย 2 คน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ได้มาขับรถคันดังกล่าวออกไป และให้ผู้ต้องหานั่งรออยู่ที่ปั๊มประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นชาย 2 คนดังกล่าวได้ขับรถคันดังกล่าวกลับมาพร้อมกับยาบ้าของกลางลำดับที่ 1 และให้ผู้ต้องหาขับรถนำยาบ้าดังกล่าวไปส่ง และข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิตหากผู้ต้องหาทิ้งงานหลบหนี โดยจุดหมายปลายทางที่จะส่งของ จะส่ง GPS มาให้ผู้ต้องหาภายหลัง
ผู้ต้องหายังให้การรับอีกว่า ในการลักลอบขนยาเสพติดในครั้งนี้ มี น.ส.พลอยฯ ภรรยาของผู้ต้องหา ทำหน้าที่เป็นคนขับรถสเก๊าต์หน้า โดยใช้รถกระบะอีซูซุ สีแดง ทะเบียนอุทัยธานี (เป็นรถคันเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ เรียกตรวจก่อนหน้านี้) โดยทำหน้าที่ขับนำ คอยตรวจสอบเส้นทาง และแจ้งความคืบหน้าให้กับผู้ต้องหาเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมสิทธิ์ในชั้นจับกุมให้ผู้ต้องหาทราบ จากนั้นได้ทำการควบคุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
พ.ต.ท.บดินทร์ ชูเฉลิม สวญ.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. โทร. 082-441-9532
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”