โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘อิ๊งค์’ลาทำเนียบฯ ศาลสั่งหยุดหน้าที่/ครม.ใหม่ถวายสัตย์3ก.ค.

ไทยโพสต์

อัพเดต 1 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

9 ต่อ 0 มติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับไต่สวนคลิปลุงฮุน พ่วงมติ 7:2 ให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ทันที “อุ๊งอิ๊ง” แถลงหน้าเครียดลั่นทำงานหัวใจเกิน 100% เพื่อปกป้องอธิปไตยไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ แต่วิธีการอาจไม่ถูกจริตสังคม โปรดเกล้าฯ ครม.อิ๊งค์ 2 แล้วตามโผ มี 9 รัฐมนตรีใหม่ ส่วนหน้าเก่าหายไป 2 ราย “สุริยะ” เตรียมนำ รมต.ถวายสัตย์ปฏิญาณ 3 ก.ค.นี้ พาเหรดแจงไม่มีชื่อ รมว.กห.ไร้ปัญหา “ศิริกัญญา” อัด ครม.ต่างตอบแทน ฟันธงอาจอยู่ไม่ถึงพ้นโปร

เมื่อวันอังคารที่ 1 ก.ค.2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าวผลการประชุมปรึกษาคดี โดยในคดีที่ 18/2568 ซึ่งประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

สมาชิกวุฒิสภา รวม 36 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่าปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร (ผู้ถูกร้อง) กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2568 ซึ่งผู้ถูกร้องแถลงข่าวยอมรับว่าเป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ผู้ถูกร้องจะแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัวโดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า ผู้ถูกร้องแสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการรวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกฯ พึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ถูกร้องเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ผู้ถูกร้องไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (9) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งผู้ร้องทราบ และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 54

สำหรับคำขอให้สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) เห็นว่า ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับแต่วันที่ 1 ก.ค.2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 2 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่ยุติชัดเจน ให้ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง ให้ใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 71 ห้ามมิให้ผู้ถูกร้องใช้หน้าที่และอำนาจด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ และด้านการคลัง จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ลั่นเจตนาเกิน 100%

ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธารเดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าแถลงข่าวว่า น้อมรับคำพิจารณาของศาล และต่อจากนี้จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่แน่ใจระยะเวลา แต่มีเวลา 15 วันที่จะชี้แจง ซึ่งจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าเรื่องของคลิปเสียงที่หลุดออกมาความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของเรา รักษาชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา มั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ทำอาจถูกใจและไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่อย่างไรก็ตามก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มี ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นของตัวเอง และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะคงรับไม่ได้ ถ้าพูดอะไรกับผู้นำแล้วทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะ เกิดการโกรธเคือง ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะเข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร นี่คือสิ่งที่ตั้งใจ และจะใช้เวลาที่สามารถชี้แจงได้ ชี้แจงให้ได้อย่างครบถ้วน ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจ

“ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย. มีคนส่งกำลังใจมาให้อย่างไม่ขาดสาย ก็ต้องขอขอบคุณมากๆ และต้องขอโทษพี่น้องคนไทยทุกๆ คนที่ไม่สบายใจกับเรื่องนี้หรือรู้สึกโกรธเคือง ดิฉันเองขอยืนยันอีกครั้งว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ แต่ก็ต้องขอโทษในวิธีการที่ไม่ถูกใจใครหลายๆ คน หลังจากนี้ช่วงเวลาที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดิฉันก็ยังทำเพื่อประเทศชาติได้ต่อไปในฐานะคนไทยคนหนึ่งแน่นอน และยังมีแรงกายแรงใจครบ 100% พร้อมทำงานต่อไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตามและอยู่ในฐานะไหนก็ตาม ก็ยังเป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนเดิม และพร้อมทำเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ทุกนาที ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกท่านอีกครั้ง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการแถลงข่าว น.ส.แพทองธารมีสีหน้านิ่ง น้ำเสียงและแววตาเศร้า พยายามฝืนยิ้ม และภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้นได้หันหลังเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถาม จากนั้นเดินทางออกจากทำเนียบฯ และเมื่อผู้สื่อข่าวตะโกนเรียก น.ส.แพทองธารได้หันมายิ้มให้สื่อมวลชน ยกมือไหว้สวัสดีและโบกมือให้ ก่อนขบวนรถยนต์ผ่านสื่อมวลชน น.ส.แพทองธารได้ลดกระจกรถยนต์ลง โบกมือและยิ้มให้ผู้สื่อข่าวอีกครั้ง ก่อนออกจากทำเนียบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว น.ส.แพทองธารหลังหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ นั้น ในวันที่ 2 ก.ค. น.ส.แพทองธารไม่มีภารกิจปฏิบัติงานใดๆ และจะไม่เข้าประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ในเวลา 14.30 น. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดย น.ส.แพทองธารจะเดินทางเข้าทำเนียบฯ อีกครั้งในวันที่ 3 ก.ค. เพื่อเตรียมตัวเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ

ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะฝ่ายกฎหมายรัฐบาล กล่าวว่า ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ตรวจสอบการมอบอำนาจรักษาการนายกฯ เดิมพบว่า รองนายกฯ อันดับหนึ่งคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย แต่เนื่องจากได้มีการโปรดเกล้าฯ พ้นตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และยังไม่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ดังนั้น รองนายกฯ คนถัดไปที่ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม

'สุริยะ' ยุบสภาได้!

“นายสุริยะมีอำนาจเต็มทำหน้าที่ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม.หรือยุบสภา เพราะการบริหารราชการแผ่นดินจะเกิดช่องว่างหรือเดดล็อกทางการเมือง โดยนายสุริยะสามารถนำ ครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ พร้อมนำ น.ส.แพทองธารที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ก็ถวายสัตย์ปฏิญาณในฐานะ รมว.วัฒนธรรมได้” นายชูศักดิ์กล่าว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวในเรื่องนี้ว่า การดำเนินงานของรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง และไม่เกิดภาวะชะงักงันหรือเดดล็อกทางนโยบายแต่อย่างใด

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ประเมินกรณีศาลรัฐธรรมนูญให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่าไม่ได้เป็นการเดดล็อกอะไร แต่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนายกฯ แน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเห็นด้วยกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมาตัดสินคดีเรื่องจริยธรรม เราคิดว่าเรื่องการเมืองควรให้ประชาชนตัดสินมากกว่า หากนายกฯ แก้ปัญหาวิกฤตเสถียรภาพการเมืองตอนนี้ได้อย่างสง่างามที่สุดคือการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่เหมาะสมมากที่สุด

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ตามประกาศลงวันที่ 16 ส.ค.2567 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 3 ก.ย.2567 นั้น บัดนี้ นายกฯ ได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี 1.ให้รัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายภูมิธรรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข

2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายภูมิธรรรม เป็นรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ตันเจริญ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ, น.ส.สุดาวรรณ เป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็น รมว.พาณิชย์, นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็น รมช.พาณิชย์, นายเดชอิศม์ เป็น รมช.มหาดไทย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.แรงงาน, น.ส.แพทองธาร เป็น รมว.วัฒนธรรมอีกตำแหน่งหนึ่ง, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมว.ศึกษาธิการ, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็น รมช.ศึกษาธิการ, นายอนุชา สะสมทรัพย์ เป็น รมช.สาธารณสุข และนายชัยชนะ เดชเดโช เป็น รมช.สาธารณสุข

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม. กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการนำ ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ วันที่ 3 ก.ค.นี้

9 รัฐมนตรีใหม่ 2 รมต.หาย

สำหรับ รมต.ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่มี 9 คน ประกอบด้วย นายสุชาติ, นายอรรถกร, นายจตุพร, นายฉันทวิชญ์, นายพงศ์กวิน, น.ส.ลิณธิภรณ์, นายเทวัญ, นายอนุชา และนายชัยชนะ ส่วนบุคคลที่พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีมี 2 คน คือนายพิชัยและนายอิทธิ

สำหรับในส่วนกระทรวงกลาโหมนั้น พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม จะทำหน้าที่รักษาตำแหน่ง รมว.กลาโหม เพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ หรือบิ๊กแก้ว อดีต สว.และอดีต ผบ.ทสส. ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่ง สว.ครบ 2 ปีในวันที่ 30 ก.ย.นี้ มาเป็น รมว.กลาโหม

น.ส.แพทองธารกล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่

เมื่อถามถึงการเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กห. เพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพลหรือไม่ นายกฯ ยิ้มแต่ไม่ตอบคำถามดังกล่าว

ภายหลังการประชุม ครม. น.ส.แพทองธารตอบกรณีไม่มีการแต่งตั้ง รมว.กลาโหม จะทำให้มีปัญหางานชายแดนสะดุดลงหรือไม่ ว่าไม่สะดุด มี รมช.กลาโหมทำงานอยู่แล้ว และทำงานได้ดีมากด้วย

เมื่อถามย้ำว่า ความเป็นไปได้ในการเว้นตำแหน่งเพื่อรอ พล.อ.เฉลิมพล ที่จะพ้นจากตำแหน่ง สว.ครบ 2 ปีในวันที่ 30 ก.ย.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบค่ะ เดี๋ยวรอดู แต่ รมช.กลาโหมถืองานไว้เยอะอยู่

ถามว่า เชื่อมือ พล.อ.ณัฐพลหรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว และถามอีกว่าการไม่แต่งตั้ง รมว.กห.จะไม่สร้างแรงกระเพื่อมในเหล่าทัพใช่หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามเช่นกัน

มีรายงานข่าวว่า ในการประชุม ครม.ที่เริ่มประชุมเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง มีการดึงวาระพิจารณาบางเรื่องออก เช่น วาระเสนอแต่งตั้งรองนายกฯ เพื่อรักษาราชการแทนนายกฯ ในกรณีที่นายกฯ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยที่ประชุมเห็นว่ายังไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ระหว่างการประชุม พล.อ.ณัฐพลได้หารือเกี่ยวกับอำนาจ รมช.กลาโหม ที่ต้องรักษาการ รมว.กห. กับนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งนายปกรณ์อธิบายว่า รักษาการ รมว.กลาโหมมีอำนาจเต็มเหมือน รมว.กลาโหม ขณะที่ในช่วงท้ายการประชุม นายกฯ ได้พูดกับรัฐมนตรีทำนองว่า ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไร หากท่านใดมีอะไรจะปรึกษาตนเองเพิ่มเติม สามารถนัดกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เพื่อมาปรึกษาได้ เพราะงานต้องเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้ต้องติดขัด แต่คิดว่าโดยรวมน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

นายภูมิธรรมกล่าวถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหมยังคงเว้นว่างอยู่ว่า พล.อ.ณัฐพลทำหน้าที่ได้อยู่ พล.อ.ณัฐพลเคยดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ รมว.กลาโหม และมาเป็น รมช.กลาโหม ท่านรู้เรื่องทั้งหมด ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัญหาต่างๆ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศได้ ท่านสามารถทำงานได้ เนื่องจากมีความรอบรู้ เป็นนักประสานงานที่ดี เชื่อมือท่านว่าจะทำงานต่อไปได้

เมื่อถามว่า เหตุใดต้องเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กห. นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบว่านายกฯ คิดอะไร ส่วนกระแสข่าวที่จะรอให้ พล.อ.เฉลิมพลรับตำแหน่งนั้น ไม่ทราบ ต้องถามนายกฯ

“เราที่เป็นคณะรัฐมนตรี ใครจะพ้น ใครจะอยู่ ก็อยู่บนฐานที่ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อ หยุดไม่ได้เลยแม้แต่วันเดียว ต้องรีบทำงาน รัฐมนตรีใหม่ต้องพร้อมทำงาน และเชื่อมั่นว่า น.ส.แพทองธารยังสามารถนำพาประเทศแก้ไขปัญหาต่างๆ”

'บิ๊กเล็ก' ลั่นไร้ปัญหา

พล.อ.ณัฐพลกล่าวยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ไม่มี รมว.กห.

นายสุริยะกล่าวถึงกรณีนายพงศ์กวิน หลานชายได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รมว.แรงงาน ว่าการพิจารณารัฐมนตรีในส่วนของพรรค พท. เป็นอำนาจของนายกฯ ซึ่งนายพงศ์กวินก็เป็นรองหัวหน้าพรรค พท. ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรค ซึ่งนายกฯ ก็คงเห็นว่ามีผลงานเรื่องการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถึงประชาชน รวมถึงการทำหน้าที่ดูแลสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) อยู่ตลอดเวลา

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงหน้าตา ครม.ใหม่ว่า ทุกคนผ่านการพิจารณามาแล้วเรื่องของความสามารถเฉพาะตัว และเรื่องของการที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ในอนาคต ส่วนตัวคิดว่าก็โอเค ทำงานได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร การเมืองก็เป็นแบบนี้ มีขึ้นมีลง

เมื่อถามถึงแรงกระเพื่อมภายในพรรค พท.ยังมีอยู่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า จริงๆ ไม่มีอะไร ที่ผ่านมามีการพูดคุยกัน และให้กำลังใจนายกฯ ตลอด

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึง ครม.ใหม่ว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของ น.ส.แพทองธาร เราในฐานะรัฐมนตรีและนักการเมืองไม่มีสิทธิ์ไปคิดแทน สิ่งที่ออกมาก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ทุกคนต้องเคารพต่ออำนาจของนายกฯ

“ผมไม่ได้ยึดติด แต่เพื่อนบางคนก็อาจมีบ้าง เพราะอยากเห็นเราไปทำงานที่ช่วยประชาชนได้มากกว่าเดิม แต่ต้องค่อยๆ คุยปรับความรู้สึกกัน เพราะการปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกฯ ซึ่งการปรับ ครม. สื่อทราบดีว่าเป็นเรื่องคนเก่าไป คนใหม่มา ใครเหมาะสมก็ไปที่ดีกว่า ใครไม่เหมาะต้องถอยออกไป เป็นเรื่องปกติ”

เมื่อถามถึงทิศทางกลุ่ม 18 หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายสุชาติกล่าวว่า เมื่อคืน (30 มิ.ย.) เราอยู่ด้วยกันครบ 18 คน ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องกับรัฐบาลและนายกฯ เราก็ออกมายืนยันว่าจะสนับสนุนนายกฯ เป็นกลุ่มแรก และเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ก็คุยกันมากกว่า 18 คน แต่ยืนยันว่าไม่ได้เอาตัวเลขมาแข่งขันกัน ส่วนทิศทางการโหวตเดี๋ยวก็คงเห็น

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรค รทสช.ไปด้วยกันไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ความคิดต่างกัน กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าไม่ทะเลาะกัน จากกันด้วยดีดีกว่า

เมื่อถามว่า จะสามารถร่วมงานกับนายจตุพร รมว.พาณิชย์ได้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนตัวรู้จักมากว่า 10 ปี ตั้งแต่เป็น สส.ตอนปี 2554 รู้จักกันมานาน ซึ่งงานในกระทรวงพาณิชย์ข้าราชการประจำเก่งอยู่แล้ว และมีความรู้ความสามารถเยอะ เราเป็นแค่คนกำกับนโยบาย ขอให้สื่อสบายใจ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวกรณีนายอนุชาได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.สาธารณสุข ซึ่งเป็นโควตารัฐมนตรีแก่บ้านใหญ่นครปฐม จะทำให้มีปัญหากับนายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี ในฐานะเลขาธิการพรรค ชทพ.หรือไม่ ว่าเป็นการพิจารณาของพรรค และเห็นความเหมาะสมตรงกัน เลยมีการเสนอชื่อนายอนุชาไป

“มีการเคลียร์กันแล้ว หลังจากนี้จะมีการยกทีมไปให้กำลังใจนายประภัตร เพราะเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ทำงานตั้งแต่พรรคชาติไทยมาเป็นพรรค ชทพ. เป็นผู้ใหญ่ที่คอยเป็นหางเสือกับพวกเราตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย อย่างไรอาประภัตรก็อยู่สุพรรณฯ” นายวราวุธระบุ

น.ส.ศิริกัญญากล่าวถึงหน้าตา ครม.แพทองธาร 2 ว่า ยังมีหลายเรื่องที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง เรื่องเศรษฐกิจ ที่เรายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญที่จะเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศได้จริงๆ เช่น เรื่องความมั่นคง ที่ยังไม่มี รมว.กห.ด้วยซ้ำ ให้ รมช.กห.รักษาการไป ซึ่งถือว่าแปลกประหลาดมากๆ ขณะที่เรื่องเศรษฐกิจนั้น แม้ว่าทีมเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่กระทรวงพาณิชย์ที่ถือว่าเป็นกระทรวงที่สำคัญมากในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปกับการทำ FTA หรือแม้กระทรวงราคาสินค้าการเกษตร ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรง แต่กลับเอาอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ รวมถึงรัฐมนตรีหน้าเก่าอย่างนายสุชาติคงตำแหน่งเดิม เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ก็คุมกรมที่เกี่ยวข้องกับการการค้าระหว่างประเทศ

ซัดอุ๊งอิ๊ง 2 ครม.ต่างตอบแทน

“ถือว่าน่าผิดหวังสำหรับการปรับ ครม.ในครั้งนี้ เป็นการแบ่งเก้าอี้เพื่อคงเสถียรภาพของรัฐบาลเองมากกว่าช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ อีกประเด็นคืออายุของรัฐบาลที่เหลือ กังวลว่าการปรับ ครม.ในครั้งนี้อายุของ ครม.ใหม่จะยืนยาวผ่านโปรหรือไม่ ก็ยังไม่มั่นใจ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่อยากช่วยลุ้นให้เร่งผลิตผลงานออกมา แต่ช่วงเวลาอาจเหลือไม่เพียงพอจริงๆ”

เมื่อถามว่า มองว่ารัฐบาลยังกังวลอะไรหรือไม่ จึงยังไม่แต่งตั้ง รมว.กลาโหม น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ยังคงเป็นความกังวล แต่ก็ไม่มีบุคคลที่จะลงตัวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการได้ แปลกประหลาดมาก เอารัฐมนตรีช่วยขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการเองเลยก็อาจเป็นไปได้ แต่ก็มัวแต่กังวลเรื่องสัดส่วนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะได้รัฐมนตรีกี่คน รัฐมนตรีช่วยกี่คน จนกลายเป็นความว่างเปล่าที่อาจจะนำไปสู่ปัญหาในอนาคตได้

ต่อข้อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจจะรอแคนดิเดตที่ถูกใจพรรค พท.เพื่อป้องกันการรัฐประหาร น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า อาจเป็นไปได้ แต่คิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นจะต้องรอ ไหนๆ ก็ปรับ ครม.แล้ว และอายุของ ครม.ชุดใหม่ก็อาจไม่ได้นาน แทนที่จะเร่งรีบปิดช่องว่างที่ทำให้การแก้ปัญหามันดีขึ้นได้ แต่กลับไม่ทำ ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่การปรับ ครม.ครั้งนี้นายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมด้วย เพื่อไปดูเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกประหลาดเช่นกัน เพราะจริงๆ หน่วยงานที่น่าจะขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์หลักๆ อยู่ภายใต้สำนักนายกฯ ทั้งนั้น ในส่วนของ วธ.อาจมีบ้าง แต่ไม่ได้เป็นส่วนหลัก การเลือกที่ไปคุม วธ.ด้วยเหตุผลว่าจะไปดูเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ก็ไม่ค่อยเมกเซนส์เท่าไหร่ ที่ผ่านมานายกฯ ก็คุมสำนักนายกฯ อยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ค่อยเห็นนายกฯ มีแอ็กชันในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์เท่าไหร่

“เรียกได้ว่าเป็น ครม.ต่างตอบแทนเพื่อที่จะเกลี่ยเก้าอี้ให้ลงตัวมากกว่าที่จะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถตรงเฉพาะทาง” น.ส.ศิริกัญญาย้ำ

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า อยู่ในแวดวงการเมืองอาจเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขอให้สังคมเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ดีกว่า เชื่อว่า 2-3 เดือนก็สามารถที่จะตอบได้แล้วว่าพวกท่านสามารถทำงานให้กับประเทศชาติได้หรือไม่ ที่สำคัญต้องดูว่าจะมีโอกาส 2-3 เดือนหรือไม่

นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า เป็นการปรับเพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก มากกว่าจะตอบโจทย์ปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะกรณีการบีบพรรคภูมิใจไทยให้ออกจากรัฐบาล แต่สุดท้ายพรรคเพื่อไทยกลับไม่ได้กระทรวงเพิ่มเติมที่มีนัยสำคัญ นอกจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงาน ส่วนกระทรวงสำคัญอื่นๆ ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เห็นชัดว่าการจัดสรรตำแหน่งใน ครม.ชุดใหม่นี้ ไม่ได้คำนึงถึงการขับเคลื่อนงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

“ตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ที่มีบุคคลในครอบครัวของ สส.พรรคไทยสร้างไทยได้รับการแต่งตั้งนั้น พรรคขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค และไม่ใช่โควตาทางการเมืองของพรรคแต่อย่างใด”.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ สนามพิสูจน์สมรรถนะ ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมจากมิชลิน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘อุ๊งอิ๊ง’ เกมโอเวอร์

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กะหรี่ขายอุดมการณ์?

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘อังเคิลก็มีหัวใจ’

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

รถอเนกประสงค์แหกโค้งชนเสาไฟฟ้าคว่ำลงข้างทาง รองผู้กำกับฯ สภ.เมืองอุบลราชธานี บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.

สวพ.FM91
วิดีโอ

รวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ กลางเดือนสิงหาคม 68 คปท. ยังตรึงกำลังทำเนียบรัฐบาล จตุพร ยืนยันไม่เอารัฐประหาร

BRIGHTTV.CO.TH

ทรัมป์ ยืนยันเนทันยาฮูเผยต้องการยุติสงครามในฉนวนกาซา

JS100

ยอดดับไฟไหม้โรงงานยาอินเดียระหว่างชั่วโมงทำงานใน "รัฐเตลังคานา" พุ่ง 34 ศพโดนเผาเป็นตอตะโก “โมดี” เสนอเยียวยา 200,000 รูปี

Manager Online

นายกฯสั่งด่านศุลกากรตรวจเข้ม สกัดของเถื่อนทะลัก – ขยาย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 จ่าย 10% ปิดหนี้ 3 หมื่นบาท

ไทยพับลิก้า

ฮุน มานี มาใกล้ด่านช่องจอม คาดดูแรงงานเขมรไปทำกับทุนจีน หลังกลับจากไทย

Khaosod

วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย 'ใหญ่และสวยงาม' ของทรัมป์ด้วยการลงคะแนนชี้ขาด

JS100

ตร.เผย 10ล้านที่หาย เป็นเงินส่วนตัวเจ้าอาวาสวัดม่วง เก็บสะสมมา

TNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...