โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ตัวละครรามเกียรติ์ไทย ทำไมมีสีกายหลายสีสัน? ทั้งที่ต้นฉบับ (อินเดีย) ไม่มีสี!

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
จิตรกรรมเรื่องรามเกียรติ์ ที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ตอน พิเภกสวามิภักดิ์พระราม

ข้อสังเกตประการหนึ่งที่หลายคนมองข้ามหรือลืมสงสัยคือ ตัวละครรามเกียรติ์ไทยช่างมีผิวกายหลากสีสันเหลือเกิน แต่ต้นฉบับมหากาพย์ “รามายณะ” ของอินเดีย กับอีกหลาย ๆ ชาติ ตัวละครในเวอร์ชันของพวกเขาล้วนเป็นสีธรรมชาติทั่วไป ไม่มีสีกายเฉพาะ

ไฉนสีกายของตัวละครรามเกียรติ์บ้านเราจึงวิจิตรพิสดารเป็นพิเศษ ?

เรื่องนี้ ภาษิต จิตรภาษาเล่าไว้ในบทความ “รามายณะของไทยทำไมมีสี ?”ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 ว่า จริง ๆ แล้วสีกายตัวละครในมหากาพย์รามายณะเกิดขึ้นเมื่อตัวละครเหล่านี้ต้องมาอยู่บนจิตรกรรมเขียนผนัง

ทั้งนี้ สีกายที่ว่าก็ไม่ได้อุบัติขึ้นลอย ๆ แต่มีคำอธิบายเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่ในโคลงแสดงชาติกำเนิดของตัวละคร ซึ่งจารึกไว้ที่พระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ขอยกตัวอย่างดังนี้

ทศกรรฐ(ทศกัณฐ์) สิบภักตรชั้น เศียรตรี

ทรงมงกุฎไชยเขียวสี อาตมไท้

กรยี่สิบพรศุลี ประสาศฤทธิ ยิ่งนา

ถอดจิตจากตนได้ ปิ่นด้าวลงกา

แสดงรูปราพนี้ชื่อ ชิวหา

ผัวนาฏสำนักขา คู่เคล้า

ผิวพัตรเทียบเทียมทา หงชาดแลแฮ

สรวมมงกุฎรูปน้ำเต้า ฤทธิสิ้นแผ่นโพยม

เถลิงรูปนาเรศนี้ สุพรรณมัจ ฉาเอย

ผิวเทียบทองทาผัด ผ่องพ้น

ธิดาทศเศียรกระษัตริย มาตุเรศ ปลาแฮ

ที่ลักคาบศิลาค้น สมุทรครั้งถมถนน

สุครีพเอารสไท้ ทินกร

สรวมชฎาอาภรณ เพริศพร้อม

อุปราชขีดขินนคร เอกอมาตย งามแฮ

สีสกลกลย้อม ชาดกลั้วสกลกาย

ขุนพานเรศนี้ นิลพัทนามเนอ

คือบุตรพระกาลชัด สืบเชื้อ

น้ำรักเทียบสีจัด สิบแปด มกุฎแฮ

เป็นเผ่าชมพูเกื้อ เกิดด้วยเดชราม

จะเห็นว่ามีสีกายต่างกัน ตั้งแต่ ทศกัณฐ์ สีเขียว, ชิวหา สีหงชาด (แดงชาดผสมขาว), สุพรรณมัจฉา สีทอง, สุครีพ สีชาด (แดง) และนิลพัท สีน้ำรัก (ดำ) ยังไม่นับตัวละครอื่น ๆ ในสีกายอื่นอีก เช่น หนุมาน สีขาว, อากาศประไลย สีแดงแสด หรือนิลปาสัน สีเหลือง เป็นต้น

ความจริงคือ เมื่อครั้งยังเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ และต่อมาเป็นลายลักษณ์อักษร รามเกียรติ์ไทยเองก็ไม่ต่างจากชาติอื่น คือไม่มีสีกายประจำตัวโดดเด่น ตอนเล่าเรื่องก็เล่าแต่พฤติกรรมของตัวละคร ไม่มีใครสนใจให้รายละเอียดว่าตัวสีอะไร

พระราชนิพนธ์สมัยรัชกาลที่ 1 น่าจะช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ เพราะเล่าถึงตอนที่สุครีพทวงสาบานกับพระราม จากการที่พาลี (กายสีเขียว) ผิดคำสาบานซึ่งเคยให้ไว้ต่อพระอิศวรว่า หากคิดไม่ซื่อต่อน้อง (สุครีพ) เอานางดารา (เมียสุครีพ) มาเป็นของตนเอง ขอให้ตายด้วยศรของพระนารายณ์

พระรามจึงให้สุครีพไปล่อพาลีมาแล้วพระองค์จะแผลงศรให้ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำอะไรไม่ได้สักที เพราะสองพี่น้องดูคล้ายกันจนพระรามแยกไม่ออก ในการต่อสู้ครั้งต่อมา พระรามจึง “ตรัสพลางฉีกชายภูษาทรง ส่งให้สุครีพชาญสมร จงผูกหัตถาไปราญรอน เราจะได้วางศรไม่แคลงใจ”คือฉีกชายเสื้อให้ผูกศอกไว้เป็นสัญลักษณ์ พระองค์จะได้แผลงศรถูกตัว

จึงน่าสงสัยว่า หากสองพี่น้องมีสีกายอย่างที่เรารู้จักทุกวันนี้ พระรามย่อมแยกออกตั้งแต่แรก เพราะสีเขียวกับแดงนั้นต่างกันลิบลับ

ต่อมาเมื่อตัวละครรามเกียรติ์ก้าวพ้นจากตัวอักษรและคำร้องมาเป็นงานจิตรกรรม ตอนนั้นเองที่พวกเขาจำเป็นต้องมี “สี”

ภาษิตอธิบายว่า หากเราเป็นช่างเขียน เราเองก็คงไม่อยากเขียนตัวละครทุกตัวด้วยสีเดียว คงปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย เพื่อความสวยงาม ความแตกต่าง หรือเพื่อฝึกฝน และออกแบบการผสมสีใหม่ ๆ เป็นที่มาของสีตัวละครนั่นเอง

เช่นเดียวกับรายละเอียดอื่น ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น พิเภกกับทศกัณฐ์ แม้กายสีเขียวเหมือนกัน แต่ศีรษะต่างกัน คือ ทศกัณฐ์เป็นยอดมงกุฎหน้า ส่วนพิเภกเป็นยอดมงกุฎเต้า หรือตัวละครฝ่ายยักษ์ตนอื่น ๆ แม้สีกายเดียวกัน แต่ศีรษะต่างกัน เช่น ยอดมงกุฎหางไก่ ยอดมงกุฎไชย ฯลฯ เหมือนกันกับลักษณะทรงของตา ปาก และเขี้ยว ซึ่งแตกต่างกันในตัวละครแต่ละตัวด้วย หลักใหญ่ใจความก็เพื่อแยกตัวละครให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เมื่อมาเป็นนาฏกรรม ทั้งหนังและโขนก็ยึดเอาสิ่งที่จิตรกรในอดีตออกแบบไว้มาใช้ด้วย

ภาษิตสรุปว่า สีตัวละครในรามเกียรติ์เป็นสูตรตามตำราของไทยโดยเฉพาะ ถ้าหนังหรือโขนชาติใดมีลักษณะดังกล่าว คือ “สี” เหมือนของไทย ก็กล่าวได้ว่าได้ครูไปจากสยามแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 4 สิงหาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตัวละครรามเกียรติ์ไทย ทำไมมีสีกายหลายสีสัน? ทั้งที่ต้นฉบับ (อินเดีย) ไม่มีสี!

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ศิลปวัฒนธรรม

พระองค์ผิว เจ้าหญิงกัมพูชาที่มีเชื้อสายไทย พระมารดาเป็นคนไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เขมร, ขอม, ขแมร์, กัมปูเจีย, กัมพูชา, แคมโบเดีย แต่ละคำในภาษาเขมรมาจากไหน?

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

“ปืนพระราม 6” มีที่มาอย่างไร? ใช้ในกองกำลังใดของไทย? ใช้ครั้งแรกเมื่อใด?

ศิลปวัฒนธรรม

7 อาหารย้อนวัย กินแล้วไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม เสริมความเปล่งปลั่ง ดูเด็กลง!

sanook.com

ทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ ยังไงให้เวิร์ก? นักวิจัยถอดสูตรสำเร็จ 3 ข้อ

กรุงเทพธุรกิจ

A Quiet Place ภาค 3 จะเข้าฉายวันที่ 9 ก.ค. 2027 ภายใต้การกำกับของ John Krasinski คนเดิม

THE STANDARD

พันธุ์ไทย ขยายตลาด สปป.ลาว ผุด “ปันคาเฟ่” (Puncafe) สาขาใหม่

Insight Daily

“โดรนในการรบ” หรือ “โดรนทางทหาร” มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง!?

สยามรัฐวาไรตี้

โรบินสันไลฟ์สไตล์ ฉลองเทศกาลวันแม่ เปิดตัว “Happy Mother’s Day รางวัลแห่งความสุข ของคุณแม่แห่งปี”

new18

Omazz เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ใจกลางเมืองเก่าภูเก็ต

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

ตัวละครรามเกียรติ์ไทย ทำไมมีสีกายหลายสีสัน? ทั้งที่ต้นฉบับ (อินเดีย) ไม่มีสี!

ศิลปวัฒนธรรม

เขมร, ขอม, ขแมร์, กัมปูเจีย, กัมพูชา, แคมโบเดีย แต่ละคำในภาษาเขมรมาจากไหน?

ศิลปวัฒนธรรม

ทำไมเรียก "ซุบหน่อไม้" ทั้งที่เมนูฮิตในร้านส้มตำนี้ไม่เหมือน soup แบบ "ซุปฝรั่ง"

ศิลปวัฒนธรรม
ดูเพิ่ม
Loading...