ผู้ประสบภัยชายแดน ไทย-กัมพูชา ทะลุ 5.2 แสนคน เยียวยา 100 ลบ. 4 จังหวัด
ยอดผู้ได้รับผลกระทบเหตุการณ์ความรุนแรง ไทย-กัมพูชา ทะลุ 5 แสนราย ปภ.เพิ่มวงเงินช่วยเหลือ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ จังหวัดละ 100 ล้านบาท รออนุมัติเพิ่ม 3 จังหวัดจันทบุรี ตราด และสระแก้ว พร้อมเสริมกำลังและเครื่องจักร ระบบเตือนภัย Cell Broadcast หนุน 7 จังหวัดชายแดน
วันนี้ 26 ก.ค. 68 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึง สถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าขณะนี้มียอดผู้ได้รับผลกระทบรวมกว่า 520,000 คน โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย บาดเจ็บ 33 คน และประชาชนต้องอพยพกว่า 190,000 ครัวเรือน เข้าพักในศูนย์พักพิงและจุดอพยพที่จัดเตรียมไว้ 229 แห่ง โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์ มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 10 ราย และผู้เสียชีวิต 4 ราย
เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบอนุมัติเงินเยียวยาแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 1,000,000 บาท โดยจะเร่งรัดการดำเนินการให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับสิทธิและความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ โดยเพิ่มวงเงินจากเดิมจังหวัดละ 20 ล้านบาท เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท สำหรับ 4 จังหวัดแรกที่ได้รับการอนุมัติแล้วเมื่อวานนี้ ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ส่วนอีก 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมคือ จันทบุรี ตราด และสระแก้ว อยู่ระหว่างการเสนอพิจารณาอนุมัติวงเงินเดียวกัน
นายภาสกรกล่าวเพิ่มเติมว่า ปภ. ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง และได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปยังจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านการอพยพ การดูแลภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว และการดำรงชีพเบื้องต้น
โดยในวันนี้ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี และเขต 17 จันทบุรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดตราดและจันทบุรีที่สถานการณ์รุนแรงขึ้น ให้เสริมกำลังสนับสนุนการดูแลประชาชนในพื้นที่
ซึ่งขณะนี้ประชาชนได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวและจุดปลอดภัยที่ทางราชการจัดไว้แล้ว ปภ. ได้กำชับให้ศูนย์ ปภ. เขต เตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าสนับสนุนพื้นที่เพิ่มเติม เช่น รถดับเพลิงชนิดเคมีโฟม, รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย, รถประกอบอาหาร, รถผลิตน้ำดื่ม และรถไฟฟ้าสว่าง
"ได้เน้นย้ำให้ 3 จังหวัดที่มีสถานการณ์เพิ่มเติม ทั้งจันทบุรี ตราด และสระแก้ว หากประเมินแล้วจำเป็นต้องอพยพประชาชนเร่งด่วน และต้องใช้การแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ให้จังหวัดประสานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทันที เพื่อ ปภ. จะได้ส่งแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ทราบอีกทางหนึ่ง" นายภาสกรกล่าวทิ้งท้าย
พร้อมกำชับให้จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบหลักเกณฑ์อย่างเหมาะสมและเต็มที่ และสามารถประสานมาที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทันที หากมีความประสงค์จะขอรับการสนับสนุนด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มเติม