ศึกเขมรไทย ยกระดับสงคราม ตัวแทนสหรัฐ Vs จีน?
ระหว่างการศึก เขมร-ไทย ที่การเจรจา “หยุดยิง” เท่ากับ “ไม่หยุดยิง” ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (28ก.ค.) ปรากฏ “สัญญานอันตราย” ผ่านภาพตัวแทน “มหาอำนาจ2ซีกโลก” ที่เตือนให้ “คนไทย” ทุกคน รัฐบาลไทย กองทัพไทย ตระหนัก ในการเตรียมการตั้งรบกับ สถานการณ์สงคราม
“ในอนาคต ที่จะยกระดับ” จาก “สงครามชายแดน” ระหว่างไทย-เขมร เป็น “สงครามตัวแทน” ที่อาจขยายแนวโน้มไปสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ในภูมิภาคเอเซีย ที่นอกจากการส่งกำลังใจให้ “ทหาร”ที่อยู่แนวหน้า หรือ การช่วยชาติ ด้วยการทำสงครามไซเบอร์ ตอบโต้ “เกรียนเขมร”ที่ผลิตข่าวบิดเบือนทำลายความชอบธรรมประเทศไทย
ในขณะที่ “รัฐบาลเขมร”ของ “2 พ่อลูกตระกูลฮุน”ได้แสดงให้เห็นว่ามีการ“แปรพักตร์”จาก“จีน”ทั้งที่จีนมีการลงทุนในเขมรจำนวนมาก ไปถือหาง “สหรัฐ”และเชลียร์ “ทรัมป์” อย่างออกนอกออกตา หลังการเสนอตัวเข้ามาเป็น“พระเอกสันติภาพ”ด้วยการนำปม“ภาษีทรัมป์ 36%” ที่จะถึงเส้นตายพรุ่งนี้ (1ส.ค.) มาขู่จนไทยต้องยอมเปิดโต๊ะเจรจา “หยุดยิง” กับเขมร
ที่ในวันเดียวกัน(28ก.ค.) ยังมีภาพและข่าว “กองบัญชาการภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกสหรัฐฯ”ให้การต้อนรับคณะผู้แทนของกองทัพเขมร เพื่อหารือเกี่ยวกับการป้องกันประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายความร่วมมือการฝึกร่วม การศึกษาทางทหาร และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นครั้งแรกในรอบ8ปี นับตั้งแต่ปี 2560
ในขณะที่ฝั่งรัฐบาลไทยที่ถูกคนไทยวิจารณ์ไม่ได้ดั่งใจช้ากว่าเขมร1ก้าวเสมอ “นายกอ้วน-ภูมิธรรม”เพิ่งออกมาเคลมวันนี้(31ก.ค.) ว่า “ทรัมป์”ยกหู แสดงความชื่นชมและยินดีกับไทยอย่างมากการ “โต๊ะเจรจาหยุดยิง” เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รู้ว่าไทยถูกตอบโต้ ถูกรุกรานเรา และไทยตอบโต้กลับไปตามสมควร อีกทั้งในช่วงท้ายของการพูดคุย ที่ “ ทรัมป์” บอกว่าพึงพอใจและเชื่อมั่นประเทศไทย จะจัดการเรื่องภาษีให้ดีที่สุด เท่าที่จะดีได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้พูดถึงรายละเอียด โดย”ทรัมป์”ยังอยากมาเยี่ยมเมืองไทยทำให้ตนเชื่อว่า จากการพูดคุยกัน เจรจากัน และที่ “นายพิชัย”ไปพูดคุย ผล”ภาษีทรัมป์”จะออกมาดีสำหรับไทย
เช่นเดียวกับอีก“สัญญาน”คือการครบวาระของ “นาย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค” ทูตสหรัฐคนปัจจุบัน ในเดือนก.ย.2568 ที่ วุฒิสภาสหรัฐ กำลังพิจารณาชื่อของ “นายฌอน โอนีล” ได้รับการเสนอชื่อจาก “ทรัมป์” ให้มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ที่เขาเพิ่งแสดงความต่อข้อซักถาม ของวุฒิสภาสหรัฐในประเด็น”ศึกเขมร-ไทย” ว่า หากได้รับการยืนยันตำแหน่งโดยวุฒิสภา เขาจะแจ้งต่อรัฐบาลไทยว่า ความขัดแย้ง
เช่น การปะทะกันบริเวณชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ไม่ได้ช่วยอะไรชาวไทยหรือความเป็นพันธมิตรระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับรัฐบาลไทยเลย พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อเสริมสร้างพันธมิตรของเรา พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหาที่ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญอยู่ เป็นเพียงการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น”
โดย “สัญญาน”ที่ออกมาข้างต้นทำให้ สถานการณ์ “สงครามเขมร-ไทย”ที่เป็นดับภูมิภาคเอเซีย แต่ถูก “มหาอำนาจจากแดนไกล” ที่กำลังก่อ “สงครามการค้า”กับ “จีน”อย่างสหรัฐสนใจ มาจัดการ ถูกมองด้วยความกังวลจากหลายฝ่าย ว่าสหรัฐกำลังเข้ามาจัดการ “สมดุลอำนาจใหม่”ในเอเชีย ที่ “จีน”มีบทบาทนำเป็น “พี่ใหญ่”ท่ามกลางภาวะ “สงครามเย็นยุคใหม่”ที่”จีน”มีบทบาทขึ้นมาเป็น “คู่ขัดแย้ง”กับ”สหรัฐ” แทน “โซเวียต” โดย “สหรัฐ”เริ่มปฏิบัติการยุทธศาสตร์โอบล้อม”จีน”ทั้งโหมดความมั่นคง และ เศรษฐกิจ มาถึงด้านเหนือคาบสมุทรเกาหลี
และพยายาม หาจังหวะเข้ามาปิดล้อมทางตอนใต้ อันเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์เอเชีย ที่สหรัฐให้ความสำคัญ ในช่วงการขึ้นมาของ“ทรัมป์”อย่างที่ข่าวการกดดัน ตั้งฐานทัพสหรัฐ ที่ ทับละมุ พังงา อันเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันและสินค้าของจีนฝั่งอันดามันเพื่อไปผ่านช่องแคบมะละกา หลังจากที่ จีนเข้าไปลงทุนสร้างท่าเรือ แถบมหาสมุทรอินเดีย ทั้งในประเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ ซูดาน เปรู
รวมไปถึงในอาเซียนอย่างเมียนมาและกัมพูชา ที่เรื่องนี้ “ทักษิณ” ก็เคยแพลมบนเวที 3 บก.เนชั่น ถึงการเจรจาภาษีทรัมป์ ว่า “บางทีสหรัฐมาขอบางอย่าง มันไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจเลย มันไปเกี่ยวกับความมั่นคง เราก็ต้องว่า เห้ย! ขออย่างนี้ นำสงครามมาบ้านเรา เราก็ไม่เอา เช่น ขอใช้ฐานทัพ ตนกลัวจะเป็นแบบ “ยูเครน”นะไม่เอา จนต่อมามีการรายงานว่าอาจหมายถึงการขอทำฐานทัพที่พังงา
ในขณะที่ “ดร.สุรชาติ บำรุงสุข”นักวิชาการด้านความมั่นคงจากจุฬา ก็เคยให้สัมภาษณ์รายการ “หมาแก่”ไว้(15ก.ค.)กรณีข่าว”ฐานทัพสหรัฐ”ในไทย ว่ามีเหตุผลที่สหรัฐฯ จะยื่นดีลความมั่นคงให้กับไทยเพื่อเพิ่มบทบาทของตนเองให้มากขึ้นในมหาสมุทรอินเดีย เพราะจีนขยายท่าเรือเชิงพาณิชย์ตามประเทศต่าง ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์เรื่องพลังงานหากเกิดข้อพิพาทหรือสงครามขึ้น จนไปกระทบกับการเปิด/ปิดช่องแคบมะละกา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแหลมมลายู และเป็นเส้นทาง ที่เชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
โดยมองว่า นอกจากฐานทัพในจิบูตี จีนอาจมีการยกระดับฐานทัพ ที่ ศรีลังกา ปากีสถาน และพม่า เนื่องจาก สามจุดเหล่านี้เป็นท่าเรือพาณิชย์ ที่ยังไม่ถูกยกระดับ ซึ่ง “ดร.สุรชาติ”ยังมองก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์สงครามเขมร ว่า ไทยได้เข้ามาอยู่ในสมการที่มหาอำนาจ เข้ามาจับตามากขึ้น เพราะแผนที่ของการวิเคราะห์ด้านความมั่นคงในทางยุทธศาสตร์บางฉบับ "มีการระบายสีพื้นที่ประเทศไทยว่าเป็นที่ที่จีนก็คาดหวังว่าจะใช้เป็นฐานทัพในอนาคต.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews