"หมอวี" แจงชัด! ทำไมโรงพยาบาลไทยไม่สามารถรับผู้ป่วยจากกัมพูชาได้
วันที่ 1 ส.ค.68 นพ.วีระพันธุ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ระบุว่า ผมจะบอกให้ว่า!
ทำไมโรงพยาบาลไทยไม่สามารถรับผู้ป่วยจากกัมพูชาได้? (ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจะตายตรงหน้า)
จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา มีเหตุปะทะเกิดขึ้นระหว่างกองกำลังของทั้งสองประเทศ โดยประเทศไทยอยู่ในสถานะป้องกันตัว และไม่ใช่ผู้เริ่มความรุนแรง แต่เป็น ฝ่ายกัมพูชา ที่เริ่มใช้กำลังโจมตี ซึ่งรวมถึงการยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ส่งผลให้โรงพยาบาลหลายแห่งในเขตชายแดนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
1. โรงพยาบาลในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีโดยตรงของกัมพูชา
โรงพยาบาลที่ต้องปิดให้บริการทั้งหมด 11 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำขุ่น รพ.น้ำยืน รพ.นาจะหลวย รพ.กันทรลักษ์ รพ.ภูสิงห์ รพ.กาบเชิง รพ.พนมดงรัก รพ.ปราสาท รพ.บ้านกรวด รพ.เฉลิมพระเกียรติ รพ.ละหานทราย
โรงพยาบาลที่เปิดได้เพียงบางส่วน (เฉพาะห้องฉุกเฉิน) 9 แห่ง
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 144 แห่ง
ปิดให้บริการทั้งหมด 140 แห่ง
เปิดให้บริการบางส่วนเพียง 4 แห่ง
โรงพยาบาลบางแห่งได้รับความเสียหายจากกระสุนและแรงระเบิดโดยตรง มีบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัย
2. ขาดความพร้อมในการให้บริการทั้งด้านกำลังคนและทรัพยากร
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ชายแดนจำนวนมากไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ
บางส่วนต้องอพยพออกนอกพื้นที่ โรงพยาบาลหลายแห่งมีจำนวนเตียงไม่เพียงพอ ระบบน้ำ ไฟฟ้า และการสื่อสารมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจากนอกพื้นที่ โดยเฉพาะจากประเทศที่เป็นต้นเหตุของความเสียหาย
3. ความไม่ปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายและดูแลผู้ป่วยจากประเทศต้นเหตุของการโจมตี
ครั้งนี้กัมพูชาผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือ กลับเป็นฝ่ายที่ใช้กำลังทำลายโครงสร้างพื้นฐานของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งยังสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนไทย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากกัมพูชาในสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่สามารถกระทำได้โดยปลอดภัยหรือเหมาะสม
สรุปว่า
ประเทศไทยไม่สามารถรับผู้ป่วยจากกัมพูชาได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยเหตุผลที่สำคัญดังต่อไปนี้
• โรงพยาบาลไทยจำนวนมากได้รับความเสียหายโดยตรงจากการโจมตีของกัมพูชา
• ระบบสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนล่มเกือบทั้งหมด
• บุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ
• ความปลอดภัยของผู้ให้บริการและผู้ป่วยไม่สามารถรับประกันได้
• ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนของตนเองก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประเทศไทยจะยังไม่สามารถดำเนินบทบาทด้านมนุษยธรรมกับกัมพูชาได้ตามเจตนาดีที่มีต่อกันในอดีต
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai