รองโฆษกเพื่อไทย มองคนเชียร์ยุบสภาหวังช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง ยืนยันรัฐบาลมีเสถียรภาพ
วันนี้ (6 กรกฎาคม) ที่พรรคเพื่อไทย จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ อดีตสส. กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยระบุถึงการตั้งคำถามเรื่องเสถียรภาพรัฐบาล เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องรักษาการนายกรัฐมนตรีว่ามีขอบเขตอำนาจมากแค่ไหน เรื่องการนับองค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร หรือเรื่องการเรียกร้องให้ยุบสภา รวมถึงการนำเสนอข่าวการเลือกนายกรัฐมนตรีชั่วคราวแบบมีเงื่อนไข
จิรวัฒน์แถลงว่า การปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ สัดส่วนของจำนวน ครม. พรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถเสนอ ผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีได้ ขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรีได้เลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ผ่านประสบการณ์ทำงานในมุมมองที่หลากหลาย
“พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคนที่ได้เข้ารับตำแหน่งวันนี้ก็ได้เดินทางไปทำงานมอบนโยบายแต่ละกระทรวงและเชื่อว่าจะขับเคลื่อนงานรัฐบาลและนำนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎรให้เกิดเป็นรูปธรรมได้มากที่สุด เช่น กระทรวงมหาดไทยที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งทลายบ่อนย่านสะพานใหม่ ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังมาถึงพร้อมทำงานปราบเรื่องบ่อนการพนันเรื่องยาเสพติด เรื่องกัญชา รัฐมนตรีทุกคนพร้อมทำงาน” จิรวัฒน์กล่าว
ส่วนกรณีการขอนับองค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาเกิดคำถามว่า ในสัดส่วนรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเดินหน้าไปได้หรือไม่นั้น จิรวัฒน์ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการเปิดประชุมสภาวันแรก ไม่ทันไรก็มี สส.จากพรรคการเมืองหนึ่ง เสนอให้นับองค์ประชุม และสถานการณ์ในวันนั้นรัฐมนตรีหลายคนที่เป็น สส. เพิ่งถวายสัตย์ฯ เสร็จ และเดินทางเข้ามาทำเนียบรัฐบาล
“แม้กระทั่ง สส. เองก็มีการประชุมกรรมาธิการงบประมาณฯ และคณะ กรรมาธิการต่างๆ ปรากฏว่ามีการเสนอนับองค์ประชุม จึงขอเรียนถามว่า เจตนาคืออะไร มองว่า ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะในช่วงปิดสมัยประชุม สส. ก็ลงพื้นที่เพื่อนำปัญหาของประชาชนเข้ามาสู่กลไกของสภา มองว่าการตีรวนแบบนี้จะเป็นเรื่องของการเมืองมากเกินไป เรื่องการรักษาองค์ประชุมเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องร่วมมือกัน โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย ทางวิปรัฐบาลก็ได้แจ้งไว้แล้วว่าต้องเข้าร่วมเป็นองค์ประชุม” จิรวัฒน์กล่าว
จิรวัฒน์ยังกล่าวถึงอำนาจนายกรัฐมนตรี ในกรณีรองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในเรื่องการยุบสภาฯ ก็ต้องรอให้ฟังโฆษกรัฐบาล ส่วนกรณียุบสภาฯ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ไม่มีเหตุอะไรให้ยุบสภาฯ ขณะนี้สภาฯ ก็อยู่ในระเบียบวาระและมีงานสำคัญคือร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ รวมถึงกฎหมายนิรโทษกรรมที่ต้องเร่งขับเคลื่อน
“การบอกให้ยุบสภาดูจะเป็นเรื่องของการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป โดยไม่สนใจว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 กว่า 3.78 ล้านล้านบาท จะลงไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร การเลือกตั้งต้องใช้งบประมาณถึง 6,000 กว่าล้านบาท มีความจำเป็นอย่างไรที่ออกมาชูประเด็นเรื่องยุบสภา ผมเชื่อว่าวันนี้ประเทศชาติยังไม่ได้สูญเสียอะไร และเชื่อว่ารัฐบาลรวมถึงนายกรัฐมนตรีเอง จะกลับมาสร้างความเชื่อมั่น และสร้างศรัทธาให้ประชาชนได้อย่างแน่นอน” จิรวัฒน์กล่าว
ส่วนการเสนอนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ชั่วคราวด้วยเงื่อนไขต่างๆ นั้น จิรวัฒน์กล่าวว่า ปัจจุบันการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่เสนอไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แม้ว่าจะมีข้อเสนอจากบางคนที่บอกว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรีชั่วคราว แม้จะอยู่ในบัญชีของพรรคการเมือง โดยมีการวางเงื่อนไขว่าให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา ส่วนตัวคิดว่าดูเป็นการเร่งร้อน และอยู่ในเรื่องการชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยย้ำว่า รัฐบาลมีเวลาอีก 2 ปี ในการนำงบประมาณไปดูแลพี่น้องประชาชนและทำโครงการใหญ่ๆ อีกมากจึงเชื่อว่า 2 ปีนี้ รัฐบาลยังต้องสร้างความเชื่อมั่น แม้ว่าขณะนี้จะเป็นช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณกับนายกรัฐมนตรีและขณะเดียวกันรัฐมนตรีรักษาการก็มีอำนาจเต็มเหมือนนายกรัฐมนตรี จึงเชื่อว่าไม่มีอะไรสะดุดในการบริหารราชการแผ่นดินและงบประมาณ
“ขอยืนยันในเสถียรภาพของรัฐบาล โดยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อที่จะบริหารงาน และต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มาลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องผลักดันนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภาไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้มากที่สุด” จิรวัฒน์กล่าว