MOODY: เพียงบอกให้ถูกว่า “ฉันรู้สึก…” ด้วยหลักการ ‘I-Messages’ ก็สามารถเปลี่ยนไวบ์ การถกเถียงเป็นความเข้าใจได้ไม่ยาก
หลายครั้งที่คู่รักทะเลาะกัน ไม่ใช่เพราะอยากเอาชนะ แต่อาจกำลังสื่อสารว่า “ฉันรู้สึกแบบนี้ ต้องการอย่างนี้ คิดอย่างนั้น…” ทว่ากลับติดบั๊กแห่งการสื่อสาร จนเหตุการณ์บานปลาย ทั้งที่ต่างคนต่างก็รักกันดี
แต่กลับจบทุกบทสนทนาด้วยความเข้าใจผิด การใส่อารมณ์ หรือบางครั้งคือความเงียบที่น่าอึดอัด บางคนทะเลาะกับคนรักเรื่องเดิมซ้ำๆ เพียงเพราะไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองยังไงให้เขาฟังแล้วเข้าใจ ไม่ใช่ฟังแล้วป้องกันตัว
MOODY รู้ว่าทุกความสัมพันธ์ต้องมีวันที่เหนื่อยใจ และไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะสื่อสารได้อย่างนุ่มนวลนัก แต่ก็มีบางวิธีที่อาจช่วยให้การพูดคุยระหว่างคนรักเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ทั้งคู่ได้รับฟังกันจริงๆ มากกว่าจะต่อสู้กันด้วยคำพูด และหนึ่งในนั้นก็คือการใช้หลักการ ‘I-Messages’ หรือข้อความที่เริ่มต้นจากคำว่า “ฉันรู้สึกว่า…” เพราะเราแค่ต้องการให้ใครสักคนรู้ว่า ข้างในของเรากำลังรู้สึกยังไง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสินกลับมา
แนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 โดยโธมัส กอร์ดอน (Thomas Gordon) นักจิตวิทยาผู้เสนอให้ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อแม่ ลองเปลี่ยนจากการพูดว่า “ลูกเห็นแก่ตัว” มาเป็น “แม่รู้สึกเหนื่อยเวลาแม่ต้องทำทุกอย่างคนเดียว” การสื่อสารเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีพูด แต่จริงๆ แล้วเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากการตัดสิน ไปสู่การแบ่งปันความรู้สึกของตนองด้วยความจริงใจ
หลักการI-Messages ไม่ได้มีไว้เพื่อพูดให้ดูดี หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะ แต่เป็นการเลือกที่จะเอ่ยถ้อยคำจากก้นบึ้งหัวใจที่อยากเข้าใจกันมากกว่าการเอาชนะ โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังพูดถึงสิ่งที่ละเอียดอ่อนในความสัมพันธ์ บางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจเรา และยังไม่มีใครได้ยินชัดนัก
โดยวิธีใช้หลักการ I-Messages ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ขอแค่เราซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองจริงๆ แล้วค่อยๆ เรียงร้อยถ้อยคำออกมาเป็น 3 ส่วนหลัก คือ
1 – เริ่มจากการ ‘บอกความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา’ เช่น “ฉันรู้สึกเหนื่อย” หรือ “ฉันรู้สึกกังวล” โดยไม่พ่วงการกล่าวโทษ เช่น “คุณทำให้ฉันโกรธ” เพราะถ้าอีกฝ่ายได้ยินสิ่งที่ฟังดูเหมือนเป็นการต่อว่า เขาอาจจะฟังต่อได้ยาก
2 – จากนั้นให้ ‘เราเชื่อมโยงความรู้สึกกับเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง’ เช่น “ฉันรู้สึกเศร้าเวลาที่ฉันต้องอยู่คนเดียวในขณะที่คุณออกไปสนุกกับเพื่อนๆ” แม้จะพูดถึงการกระทำของอีกฝ่าย แต่หัวใจของประโยคยังอยู่ที่ความรู้สึกของเราเอง
3 – ปิดท้ายด้วยการ ‘บอกสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นอย่างอ่อนโยน’ เช่น “ฉันอยากให้คุณชวนฉันไปด้วย ถึงแม้คุณจะไปกับเพื่อนก็ตาม” ซึ่งไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นความต้องการที่เราเอ่ยด้วยการเปิดใจ
ยิ่งเราใช้วิธีนี้บ่อยๆ เราจะยิ่งเห็นว่าคำพูดแบบนี้ไม่เพียงทำให้อีกฝ่ายเปิดใจฟังมากขึ้น แต่ยังทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตนเองได้ลึกซึ้งขึ้นด้วย เพราะเวลาที่เรารู้สึกอ่อนแอ การจะพูดความรู้สึกออกมาอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่หลบซ่อน ไม่กล่าวโทษ มันต้องใช้ความกล้าหาญไม่น้อย และเมื่อเราเลือกจะพูดด้วยความอ่อนโยนเช่นนี้ มันจึงกลายเป็นภาษาของใจที่มีไว้เพื่อดูแลความสัมพันธ์ ไม่ใช่การตัดสินกัน
อย่างไรก็ตาม แม้การสื่อสารในลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพในการสื่อสารมากก็จริง แต่บางคนอาจนำมันไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมนักเช่น “ฉันรู้สึกว่าคุณเห็นแก่ตัว” ซึ่งดูเหมือนเป็นหลักการ I-Messages แต่จริงๆ แล้วก็ยังเป็นการกล่าวโทษอยู่ดี หรือบางทีเราก็อาจพูดถึงอารมณ์บางอย่าง ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพียงแต่อยากให้อีกฝ่ายยอม หรือตอบสนองตามที่เราคาดหวัง
เพราะฉะนั้นหลักการ I-Messages จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังพูดด้วยความซื่อสัตย์แค่ไหน พูดจากความรู้สึกที่แท้จริงหรือเปล่า และเข้าใจว่าอารมณ์บางอย่างไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเสมอไป เหมือนที่เรารู้สึกหิว เหนื่อย หรือคิดถึงใครบางคนโดยไม่มีคำอธิบาย
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรใส่ใจคือ ถ้อยคำในบางประโยค แม้จะฟังดูสุภาพ แต่กลับแฝงการตัดสินอยู่ลึกๆ เช่น “ฉันสังเกตว่าคุณไม่สนใจฉันเลยช่วงนี้” ฟังดูเหมือนเรากำลังพูดถึงความรู้สึก แต่แท้จริงแล้วคือการบอกว่าอีกฝ่าย ‘เป็นยังไง’ มากกว่า ‘เรารู้สึกยังไง’ ดังนั้น การเลือกถ้อยคำจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ทั้งคำที่เหมาะสม เจตนาและความรู้สึกที่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้และเข้าใจ มากกว่าการใช้เพื่อโจมตีเขา
แล้วเมื่อเราสื่อสารด้วยหลักการ I-Messages อย่างตรงไปตรงมา ด้วยหวังให้เขาเข้าใจ ความสัมพันธ์ก็มีพื้นที่ใหม่ที่เราได้ร่วมกันดูแล อย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “คุณควรโทรหาฉันบ้างนะ” เราอาจพูดว่า “ฉันรู้สึกห่างเหินเวลาที่ไม่ได้ยินเสียงคุณเลย ฉันคิดถึงคุณนะ” คำพูดนั้นแม้ไม่เรียกร้องอะไรเลย แต่กลับสะท้อนความต้องการได้ชัดเจนกว่าคำว่า ‘ควร’ ทำอะไร
และบางครั้ง แม้เราจะสื่อสารด้วยความอ่อนโยนแล้ว ความเห็นต่างก็ยังคงมีอยู่เสมอ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเรารักกันน้อยลง หรือว่าเราสื่อสารผิด งานวิจัยของจอห์น กอตแมน (John Gottman) และโจน เดอแคลร์ (Joan DeClaire) เคยกล่าวไว้ว่า กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของความขัดแย้งในชีวิตคู่จะไม่มีวันหายไป ความสัมพันธ์ที่ยืนยาวจึงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ไม่มีปัญหาเลย แต่คือความสัมพันธ์ที่ยังมีพื้นที่ให้รับฟังกันอยู่เสมอ แม้ในวันที่เราเห็นต่างกัน
เพราะฉะนั้น การพูดว่า “ฉันรู้สึกว่า…” จึงไม่ใช่ถ้อยคำที่ใช้เพียงเพราะมันฟังดูดี แต่คือการเลือกจะเปิดใจให้กัน เลือกจะเชื่อมโยงในเวลาที่เรารู้สึกห่างไกล และการเลือกจะสื่อสารด้วยความอ่อนโยน แม้ในวันที่ความสัมพันธ์กำลังเผชิญมรสุมมากมายก็ตาม
สุดท้าย MOODY ขอย้ำไว้ว่า บางครั้งแม้คำพูดที่มาจากหัวใจแบบนี้อาจไม่ได้เปลี่ยนทุกอย่างในทันที แต่อย่างน้อยมันก็พาเราเดินเข้าใกล้กันขึ้นอีกนิด และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิมก็ได้นะ
ใครเคยใช้การสื่อสารในหลักการ I-Messages บ้าง ลองมาแชร์กันในคอมเมนต์ได้นะ 🙂