ปั้นชีวิต FREELANCE ให้อนาคตมั่นคง
ใช้แรงทำเงิน& ให้เงินทำงาน กดSubscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
Freelance อยากมีชีวิตที่มั่นคง-มั่งคั่ง…มาดู 5 เคล็ดลับที่ช่วยให้คุณปั้นชีวิตได้ครบทุกด้านกัน
Freelance มีชีวิตที่มั่นคงและมั่งคั่งด้านการเงินได้ไม่ยาก เพียงต้องรู้จักปั้นชีวิตให้ครบใน 5 สิ่งนี้
ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
รายรับ:
- บันทึกจำนวนเงินและวันที่รับเงินทุกครั้ง เพื่อให้รู้ว่าแต่ละเดือนหรือสัปดาห์มีรายรับเท่าไร สม่ำเสมอไหมหรือมีช่วงไหนของปีที่รายรับมากหรือน้อยกว่าปกติ
- บันทึกว่าเป็นรายได้จากงานใด ใครเป็นผู้จ่ายเงิน ถูกหักภาษีหรือไม่ และได้เอกสารรับรองรายได้แล้วหรือยัง เพื่อให้รู้ว่านำเงินส่วนนี้ไปยื่นภาษีปีใดและจำนวนเท่าไร
รายจ่าย:
- บันทึกจำนวนเงิน วันที่จ่าย และจ่ายไปกับเรื่องอะไร เพื่อให้รู้ว่าในแต่ละเดือนหรือสัปดาห์มีรายจ่ายเท่าไร เมื่อหักลบกับรายรับแล้วเพียงพอหรือไม่ หากใช้จ่ายผ่าน Mobile Banking ก็สามารถจดในบันทึกช่วยจำได้
- เช็กว่ารายจ่ายใดปรับลดได้ หรือรอจ่ายในช่วงที่มีโปรโมชันได้
แยกบัญชีให้ชัดเจน
Freelance ควรแยกเงินที่มี ออกเป็น 5 กลุ่มบัญชี ได้แก่
- บัญชีรับเงิน: เพื่อแสดงรายรับ ตรวจสอบได้ง่าย รายการบัญชีไม่ปะปนกับธุรกรรมอื่น
- บัญชีเงินทุนหมุนเวียน: เพื่อกันไว้ใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพ เป็นการจำกัดความเสี่ยงไม่ให้ดึงเงินเก็บส่วนตัวหรือเพื่อเป้าหมายในอนาคต ออกมาใช้ง่ายๆ
- บัญชีใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัว: เพื่อใช้จ่ายประจำวัน ชำระหนี้สินส่วนตัว โดยควรกำหนดจำนวนเงินหรือ Budget ให้ชัดเจน ว่าแต่ละเดือนจะใช้จ่ายเท่าไร
- บัญชีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเพื่อความมั่นคง: สำหรับ Freelance ควรมี 12 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ไว้ในเงินฝาก e-Savings หรือฝากประจำ ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป
- บัญชีเงินลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง: เช่น กองทุนผสม กองทุนหุ้น ฯลฯ เพื่อสร้างผลตอบแทนได้สูงในระยะยาว และมั่นใจว่าจะไม่มีความจำเป็นต้องนำเงินส่วนนี้ออกมาใช้ในช่วง 3-5 ปีนี้
สร้างเครดิตการเงินที่ดี
- หากมีหนี้อยู่ ต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลาทุกงวด ไม่น้อยกว่าขั้นต่ำที่กำหนด เพื่อแสดงวินัยการชำระหนี้ เพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อขอสินเชื่อในอนาคต
- คุมภาระชำระหนี้ต่อเดือน ไม่เกิน 40% ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน เพื่อให้ธนาคารเห็นว่ายังมีรายได้เหลือเพียงพอที่จะชำระหนี้ก้อนใหม่ที่กำลังขอเพิ่ม
- รับรายได้ทุกอย่างผ่านบัญชีธนาคาร (บัญชีรับเงิน) และจัดเก็บสัญญาจ้างหรือเอกสารภาษีหัก ณ ที่จ่าย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบที่มาและความน่าเชื่อถือของรายได้
วางแผนรับมือยามเจ็บป่วย
นอกจากมีเงินสำรองเผื่อในกรณีฉุกเฉินอย่างค่ารักษาพยาบาลแล้ว ควรตรวจสอบสิทธิสถานพยาบาล เช่น ประกันสังคม (กรณีเป็นผู้ประกันตน) หรือหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เพื่อเลือกรักษาในสถานพยาบาลที่ใช้สิทธิรักษาฟรีได้
หากต้องการความสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล สามารถเลือกทำประกันสุขภาพได้ โดยปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบวงเงินเหมาจ่ายและครอบคลุมห้องเดี่ยวมาตรฐานทุกโรงพยาบาล แต่ก็ตามมาด้วยค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นทุก 1-5 ปี และค่าเบี้ยมักสูงมากเมื่ออายุ 55-60 ปีขึ้นไป
ใส่ใจเรื่องภาษี
มีรายได้ ย่อมต้องยื่นและชำระภาษีทุกปี (หรือทุกครึ่งปี หากมีเงินได้ 40(5) – 40(8) เช่น ค่าเช่า ขายของ ฯลฯ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้จ่ายเงินเป็นนิติบุคคลที่ลงบัญชีค่าจ้างเป็นค่าใช้จ่ายบริษัท ที่ต้องระบุตัวผู้รับเงินด้วย ไม่ว่าการจ่ายเงินครั้งนั้นจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือไม่ก็ตาม ดังนั้นต้องยื่นและชำระภาษีให้ถูกต้อง
เช่น คนมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 30,000 บาท 50,000 บาท และ 100,000 บาท จะมีภาระภาษีทั้งปีรวม ที่ต้องชำระอยู่ที่ 2,500 บาท 21,500 บาท และ 125,000 บาท ตามลำดับ (สมมติมีเงินได้เฉพาะ 40(2) และไม่มีลดหย่อนอื่น) ซึ่งหากระหว่างปีถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ไปบางส่วนแล้ว ตอนยื่นภาษีก็ชำระเพิ่มเพียงส่วนต่างเท่านั้น
Freelance อาชีพที่รายได้อาจดูไม่มั่นคง แต่นั่นอาจเป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นของการทำFreelance เท่านั้น หากรู้จักปั้นชีวิตให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ คนทำอาชีพFreelance ก็มีชีวิตที่มั่นคงและมั่งคั่งได้