69 ปี องค์สภานายิกา สภากาชาดไทย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจน้อยใหญ่ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีของไทย และในฐานะคู่พระราชหฤทัยแห่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจทั้งหลายไปได้เป็นอันมาก ทั้งยังมีพระราชดำริเริ่มใหม่เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศอย่างอเนกอนันต์ซึ่งโครงการพระราชดำริเหล่านั้นได้ยังประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชนสืบมาจนทุกวันนี้
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 2568 และในโอกาสมหามงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระชนมายุ 93 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2568ร่วมเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
สำหรับด้านสาธารณสุขนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงดำรงตำแหน่ง สภานายิกาสภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2499 สืบต่อจาก สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ปรากฏความในประกาศตั้งสภานายิกาสภากาชาดไทย ดังนี้
"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตั้งแต่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ทรงดำรงตำแหน่ง สภานายิกาสภากาชาดไทย เสด็จสวรรคตไปแล้ว ตำแหน่ง สภานายิกาสภากาชาดไทยยังว่างอยู่ คณะรัฐมนตรีได้ทูลเกล้าฯ ถวายความเห็นขอให้ทรงตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงดำรงตำแหน่ง สภานายิกาสภากาชาดไทย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดไทยพระพุทธศักราช 2461 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตั้งให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ดำรงตำแหน่ง สภานายิกาสภากาชาดไทย
ประกาศ ณ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2499 เป็นปีที่ 11 ในรัชกาลปัจจุบัน"
ความเป็นมาของสภากาชาดไทย
สภากาชาดไทย ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ถนนอังรีดูนัง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร สภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรม ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2436 (วิกฤตการณ์ ร.ศ.112) เนื่องจากเกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับเขตแดนริมฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและมีการสู้รบเกิดขึ้น เป็นผลให้มีทหารเสียชีวิต และบาดเจ็บ ได้รับความทุกข์ทรมานจำนวนมาก แต่ยังไม่มีองค์การกุศลใดเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้เป็นกิจลักษณะ
ดังนั้น กุลสตรีไทยที่สูงศักดิ์ในเวลานั้น โดยการนำของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ภริยาเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ได้ชักชวนบรรดาสตรีไทยช่วยกันเรี่ยไรเงินและสิ่งของเพื่อส่งไปช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และมีความเห็นว่า ควรจะมีองค์การใดองค์การหนึ่งช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของทหาร เช่นเดียวกับองค์การกาชาดของต่างประเทศ จึงได้นำความกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี (สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) ขอให้ทรงเป็นชนนีบำรุง คือ เป็นองค์อุปถัมภ์ในการจัดตั้งองค์การเพื่อบรรเทาทุกข์ยากของทหาร
ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งทรงพระราชดำริว่า เป็นความคิดที่ต้องด้วยแบบอย่างอารยประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง "สภาอุณาโลมแดง" ขึ้น เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2436
ต่อมาถือเป็นวันสถาปนาสภากาชาดไทย และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ทรงเป็น "สภาชนนี" สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) ทรงเป็น สภานายิกา
ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ เป็น เลขานุการิณี และ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ เป็น เหรัญญิกาสภาอุณาโลมแดง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ทรงดำรงตำแหน่งพระยุพราชเสด็จกลับจากการศึกษาในประเทศอังกฤษผ่านมาทางประเทศญี่ปุ่น ได้เสด็จทอดพระเนตรโรงพยาบาลของกาชาดญี่ปุ่น ทำให้ทรงพระดำริว่า ถ้าได้จัดโรงพยาบาลของกาชาดขึ้นในเมืองไทยก็จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง
ฉะนั้น เมื่อสมเด็จพระราชบิดา เสด็จสู่ สวรรคาลัย พระองค์จึงได้ร่วมกับพระราชภราดาภคินี ทรงบริจาคทรัพย์รวมกับทุนของสภาอุณาโลมแดงที่มีอยู่ สร้างโรงพยาบาลขึ้นในที่ดินส่วนพระองค์ แล้วโปรดเกล้าฯ ขนานนามตามพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า"โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์" เพื่อเป็นอนุสรณ์ในพระราชบิดาให้โรงพยาบาลนี้เป็นของ สภากาชาดสยาม เมื่อ พ.ศ. 2457 ชื่อ สภาอุณาโลมแดง และสภากาชาดนี้ เรียกปะปนกันตลอดมา แต่เมื่อ พ.ศ. 2453 ชื่อ สภาอุณาโลมแดงก็สูญไปคงใช้กันแต่ สภากาชาดสยาม หรือ สภากาชาดไทย ตามชื่อประเทศ ซึ่งเปลี่ยนจาก สยามเป็นไทย มาจนทุกวันนี้
ในปี พ.ศ.2461 มีการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดสยาม มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้และบาดเจ็บในสงครามและยามสงบกับทั้งทำการบรรเทาทุกข์ในเหตุการณ์สาธารณภัยพินาศ โดยไม่เลือกเชื้อชาติ สัญชาติ ลัทธิ ศาสนา หรือความเห็นในทางการเมืองของผู้ประสบภัย ยึดหลักมนุษยธรรมเป็นที่ตั้ง
ต่อมาในปีพ.ศ. 2463 ได้ออกพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดสยามแก้ไขเพิ่มเติมจัดระเบียบสภากาชาดสยามเป็นสมาคมอิสระ ยังผลให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศรับรองสภากาชาดสยาม เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 และสันนิบาตสภากาชาดมีมติรับสภากาชาดสยามเป็นสมาชิกเมื่อปี พ.ศ. 2464 ต่อมาสภากาชาดสยามเปลี่ยนชื่อเป็น สภากาชาดไทย เมื่อปี พ.ศ. 2482
นอกจากพระราชบัญญัติสภากาชาดไทย 2 ฉบับดังกล่าวแล้ว ได้มีพระราชบัญญัติสภากาชาดไทย ฉบับที่ 3 วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2499 เกี่ยวกับเรื่องเครื่องหมายกาชาด เพื่ออนุวัติตามบทแห่งอนุสัญญาเจนีวา ปีพ.ศ.2492 พระราชบัญญัติฉบับที่ 4 วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2550 ว่าด้วยเหรียญกาชาด และพระราชบัญญัติ ฉบับที่ 5 วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2550 เพิ่มข้อความในพระราชบัญญัติปีพ.ศ.2461 ว่า “ให้สภากาชาดไทย มีฐานะเป็นนิติบุคคล ดำเนินการอันเป็นสาธารณกุศลเพื่อมนุษยธรรม ตามหลักการกาชาดสากล และพึงได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจากรัฐ"
สภากาชาดไทยได้ดำเนินกิจการต่อเนื่องมาโดยตลอดเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว ไม่ว่าประเทศจะอยู่ไปภาวะสงครามหรือในยามปกติ และไม่ว่าประเทศจะมีการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือระบอบประชาธิปไตย สภากาชาดไทยมีภารกิจในการช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติศาสนาและได้แบ่งการดำเนินงานเป็นส่วนงานต่าง ๆ เช่น
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทำหน้าที่รักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยทั้งในยามปกติ ยามฉุกเฉินหรือเมื่อเกิดสาธารณภัย ทั้งยังเป็นที่ศึกษาของนิสิตแพทย์และนักศึกษาพยาบาลเพื่อสร้างบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
- โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ทำหน้าที่รักษาผู้เจ็บป่วยเช่นเดียวกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เดิมชื่อว่า โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา
- วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย จัดการศึกษาวิชาพยาบาลเพื่อสร้างบุคลากรในด้านการพยาบาล ตั้งแต่ระดับผู้ช่วยพยาบาล จนถึงระดับพยาบาลปริญญา
- โรงเรียนรังสี เทคนิค ทำหน้าที่จัดการศึกษาด้านรังสีเทคนิค เพื่อผลิตผู้มีความรู้ด้านรังสีเทคนิคเข้าปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและสถานพยาบาล
- สถานเสาวภา หรือ กองวิทยาศาสตร์ ทำหน้าที่ด้านค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ผลิตวัคซีนและเซรุ่ม ป้องกันและรักษาโรค เป็นสถานที่มีการรีดพิษงูเพื่อนำมาผลิตเป็นเซรุ่มรักษาผู้ที่ถูกงูพิษกัด
- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ มีหน้าที่จัดหาโลหิตจากผู้ที่บริจาคโลหิต พร้อมจ่ายให้โรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อการบำบัดรักษาผู้เจ็บป่วย รวมทั้งการแยกส่วนประกอบของโลหิตเพื่อใช้รักษาโรคบางชนิดเนื่องจากในการรักษาพยาบาล และเนื่องจากมีผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตจำนวนมากเป็นประจำ สภากาชาดไทยจึงได้เชิญชวนให้มีการบริจาคโลหิตในโอกาสต่าง ๆ ณ สถานที่ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จะบริจาค
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน เข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตครบ ตามที่สภากาชาดกำหนดเป็นแรงจูงใจและเป็นความปีติภาคภูมิใจแก่ผู้บริจาคเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ประสงค์จะบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้เปิดสาขาการบริการโลหิตขึ้น ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งได้ช่วยผู้ป่วยให้รอดชีวิตเป็นจำนวนมาก
- ศูนย์ดวงตา ทำหน้าที่บริจาคดวงตาจากผู้อุทิศดวงตา ซึ่งได้จากผู้บริจาคที่ถึงแก่กรรมแล้วเพื่อให้จักษุแพทย์ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้แก่ผู้ที่กระจกตาพิการ สภากาชาดไทยได้จัดให้วันที่ 17 สิงหาคมของทุกปีเป็น วันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย เพื่อส่งเสริมให้มีการบริจาคดวงตาเมื่อเสียชีวิตอันเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานคำขวัญในวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยมาเป็นเวลาช้านาน
นอกจากนี้สภากาชาดไทยยังมีศูนย์รับบริจาคอวัยวะอื่น ๆ เช่น ไต ตับ หัวใจ จากผู้บริจาคที่เสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุ เพื่อเปลี่ยนหรือปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้อวัยวะเหล่านั้นมาทดแทน
- ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีหน้าที่ให้มีการฟื้นฟูสมรรถภาพ ที่ผู้ป่วยและผู้พิการจากโรคภัยและอุบัติเหตุ
ที่มา :สภากาชาดไทย / www.belovedqueen.com/ หน่วยงานราชการในพระองค์ (ข้อมูล/ภาพ)