ภาครัฐ-เอกชน จัดแคมเปญ “สัปดาห์การตรวจสุขภาพสตรีแห่งชาติ 2568”
สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์(ประเทศไทย) จำกัดบริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัดผนึกกำลังจัดแคมเปญ“สัปดาห์การตรวจสุขภาพสตรีแห่งชาติ2568 (National Women’s Checkup Week 2025)” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้ธีม “วันที่สำคัญที่สุด” (Make the Most Important Date.) “กล้าที่จะก้าว กล้าที่จะเปล่งเสียง กล้าที่จะเป็นเธอ” (Step Up. Speak Up. Show Up.) เพื่อตัวคุณเองและคนที่รัก
หวังสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการตรวจสุขภาพสตรีให้กับหญิงไทยทำเพื่อตนเอง และ “กล้า” เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ก้าวข้ามความเชื่อ ความเข้าใจผิดและความกังวลแบบเดิม ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก และมีสุขภาพที่ดี ระหว่างวันที่ 12 – 19 สิงหาคม 2568 ที่โรงพยาบาล สถานพยาบาล ร้านขายยา และคลินิกของภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมโครงการกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ
ศ.พญ.ศิริวรรณ ตั้งจิตกมล นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิง “ไม่กล้า” เข้ารับตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เพราะหลายคนละเลยการดูแลสุขภาพของตนเอง ส่งผลให้อัตราการเกิดโรคมะเร็งในผู้หญิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ มะเร็งปากมดลูก ซึ่งสามารถป้องกันได้ง่ายหากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ
“นอกจากภาระหน้าที่ในครอบครัวแล้ว ยังพบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงละเลยสุขภาพตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั้นมีหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น ความกลัว ความอายความไม่เข้าใจ หรือความเชื่อที่ผิด ส่งผลให้หลายคนพลาดโอกาสในการป้องกัน หรือรักษาโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้มะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นหนึ่งในปัญหา สาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย”
แต่มะเร็งปากมดลูกก็เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากได้รับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV และได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
จากข้อมูลล่าสุดผลสำรวจ Roche Diagnostics APAC Women’s Health Survey 2025 ซึ่งเก็บข้อมูลจากผู้หญิงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อายุ 25–50 ปี มากกว่า 300 ราย พบว่าเหตุผลหลักที่ผู้หญิงไทยไม่เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง ได้แก่ คิดว่าไม่มีอาการผิดปกติ (34%) กลัวเจ็บ (28%) และกลัวผลตรวจ (26%)
นอกจากนี้ ผลการสำรวจดังกล่าวยังพบว่าร้อยละ 28 ของผู้หญิงไทยเคยเลื่อนหรือหลีกเลี่ยงการรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากภาระหน้าที่ในครอบครัว โดยประเทศไทยมีอัตราสูงเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย
จากทั้งหมด 8 ประเทศที่สำรวจ และมากกว่าร้อยละ 80 ของผู้หญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้ตัดสินใจหลักในเรื่องการดูแลสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว และยังเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในครัวเรือนสูงถึงร้อยละ 70 และยังพบว่าร้อยละ 66 ของผู้ดูแลผู้ป่วยในครอบครัวทั่วโลกเป็นผู้หญิง ในขณะที่ร้อยละ 71 ของบุคลากรด้านการแพทย์ก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน
นางสาวศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานกรรมการ มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มูลนิธิเครือข่ายมะเร็งได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยและผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งมากมาย ทำให้ได้รับฟังเรื่องราวที่หลากหลาย ทั้งความกลัว ความกังวล และความเข้าใจผิดที่ฝังลึกอยู่ในใจของผู้หญิงจำนวนมาก เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีผู้หญิงหลายคนบอกว่า “กลัวเจ็บ จึงไม่กล้าไปตรวจ” หรือ “อาย กลัวเจอหมอผู้ชาย”
บางคนบอกว่า “กลัวผลตรวจ กลัวเจออะไรไม่ดี” หรือแม้กระทั่ง “คิดว่าร่างกายปกติดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจ” ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันคือ อุปสรรคทางใจ ที่กลายเป็นกำแพงสำคัญ ทำให้หลายคนพลาดโอกาสในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างทันท่วงที
“มีความเข้าใจผิดที่ว่า การติดเชื้อ HPV เป็นเรื่องน่ากลัว หรือเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย HPV เป็นเชื้อที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิงทั่วไป และในหลายกรณีร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เองตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นมองว่าการสื่อสารกับผู้หญิงควรเต็มไปด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และไม่ตัดสิน เราอยากเห็นสังคมที่ทำให้ผู้หญิง “รู้สึกปลอดภัย” ที่จะพูดถึงสุขภาพของตัวเอง “รู้สึกมั่นใจ” ที่จะไปตรวจโดยไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย และรู้ว่าเธอมีคนรอบข้างที่พร้อมอยู่เคียงข้างเธอในทุกย่างก้าว
เราควรเปลี่ยนการตรวจสุขภาพจาก “เรื่องที่น่ากลัว” ให้กลายเป็นการมอบของขวัญแห่งความรัก ที่เรามอบให้ตัวเอง เพราะสุขภาพดีคือพื้นฐานของทุกความฝัน ทุกบทบาท และทุกความรับผิดชอบที่ผู้หญิง ต้องเผชิญในแต่ละวัน”
ด้าน นายมิไฮ อีริเมสซู กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าโรคมะเร็งปากมดลูกจะสามารถป้องกันได้ แต่ยังคร่าชีวิตผู้หญิงจำนวนมากในแต่ละปี เพราะอัตราการตรวจคัดกรองยังต่ำ และยังมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นอยู่มาก โรชจึงมุ่งมั่นในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
“แคมเปญสัปดาห์ตรวจสุขภาพสตรีแห่งชาติ 2568 จัดขึ้นเป็นปีที่สองในประเทศไทย ไม่ใช่แค่กิจกรรมประจำปี แต่เป็นพันธกิจระยะยาว เพื่อสุขภาพของผู้หญิงไทย ซึ่งธีมในปีนี้คือการรณรงค์และส่งเสริมให้ผู้หญิง “กล้า” ไม่ว่าจะเป็นกล้าที่จะก้าวออกมาจากความกลัว กล้าพูดคุยชักชวนให้คนรอบตัว ไปตรวจ และกล้านัดตรวจสุขภาพสตรี และชวนผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกัน”
โดยเชื่อว่าการพัฒนาระบบสุขภาพต้องอาศัยมากกว่าความก้าวหน้าทางวิทยาการ แต่ต้องสร้างการเข้าถึงความตระหนักรู้และความร่วมมือ ซึ่งเป็นเหตุผลที่โรชสานต่อโครงการนี้ในปีที่ 2 ด้วยความเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือที่กว้างขึ้นจากภาคีทุกภาคส่วน และเชื่อว่าการตรวจพบเชื้อเร็ว สามารถช่วยชีวิตทุกคนได้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนที่คุณรัก