เนทันยาฮูขอความช่วยเหลือจาก ICRC หลังฮามาสปล่อยภาพน่าตกใจเกี่ยวกับตัวประกัน
อิสราเอลได้ร้องขอคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเพื่อให้ช่วยเหลือตัวประกันในฉนวนกาซา ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจจากวิดีโอที่แสดงให้เห็นตัวประกันสองคนผอมแห้ง
กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์เผยแพร่ภาพของเอฟยาตาร์ เดวิด ตัวประกันชาวอิสราเอลที่ดูอ่อนแอและขาดสารอาหารขณะถูกกักขัง เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลได้ขอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ไอซีอาร์ซี (International Committee of the Red Cross – ICRC) กรณีความเป็นอยู่ของตัวประกันในฉนวนกาซา ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจจากวิดีโอที่กลุ่มฮามาสเผยแพร่และแสดงให้เห็นตัวประกันสองคนที่ผอมแห้งจนน่าตกใจ
สำนักงานนายกรัฐมนตรีฯกล่าวว่า เนทันยาฮูได้พูดคุยกับจูเลียน เลอริสสัน ผู้ประสานงาน ICRC ประจำภูมิภาค และขอให้เขามีส่วนร่วมในการจัดหาอาหารให้กับตัวประกันของอิสราเอลและช่วยดำเนินการรักษาพยาบาลโดยทันที
ขณะที่ ICRC ระบุในแถลงการณ์ว่า รู้สึกตกใจกับวิดีโอที่น่าสยดสยอง และย้ำถึงข้อเรียกร้องที่จะอนุญาตให้เข้าถึงตัวประกัน
กองกำลังติดอาวุธของฮามาสตอบสนองต่อกรณีดังกล่าวว่า จะอนุญาตให้หน่วยงานเข้าถึงตัวประกันได้ก็ต่อเมื่อมีการเปิดช่องทางมนุษยธรรมสำหรับอาหารและความช่วยเหลือทั่วทุกพื้นที่ของฉนวนกาซา
กองกำลังอัล-กัสซัมกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตัวประกันอดอาหาร แต่ตัวประกันเหล่านี้ไม่ได้รับสิทธิพิเศษด้านอาหารใดๆท่ามกลางอาชญากรรมความอดอยากและการปิดล้อมในฉนวนกาซา เฉกเช่นผู้อพยพปาเลสไตน์อีกมากมาย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฮามาสและพันธมิตรอิสลามญิฮาดได้เผยแพร่วิดีโอสามคลิปที่แสดงให้เห็นตัวประกันสองคนที่ถูกจับกุมระหว่างการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน
ภาพของรอม บราสลาฟสกี และเอฟยาตาร์ เดวิด ซึ่งทั้งคู่ดูอ่อนแอและขาดสารอาหาร ได้กระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องครั้งใหม่อีกครั้งในอิสราเอลให้มีการสงบศึกและปล่อยตัวตัวประกัน
แถลงการณ์จากสำนักงานของเนทันยาฮูเมื่อวันเสาร์ระบุว่า เขาได้พูดคุยกับครอบครัวของตัวประกันทั้งสอง และแสดงความตกใจอย่างยิ่งต่อสิ่งที่องค์กรก่อการร้ายเผยแพร่ โดยเนทันยาฮูบอกกับครอบครัวว่าความพยายามในการส่งคืนตัวประกันทั้งหมดยังคงดำเนินต่อไป
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประชาชนหลายหมื่นคนได้รวมตัวกันที่กรุงเทลอาวีฟ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเนทันยาฮูเร่งกระบวนการปล่อยตัวเชลยศึกที่เหลืออยู่
วิดีโอดังกล่าวอ้างอิงถึงสภาพด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายในฉนวนกาซา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญภายใต้การดำเนินงานของสหประชาชาติได้เตือนว่า "ความอดอยากกำลังก่อตัวขึ้น"
คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวว่า ภาพดังกล่าวน่าตกใจและเปิดเผยความป่าเถื่อนของฮามาส พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดทันทีและไม่มีเงื่อนไข
คัลลาสกล่าวในโพสต์เดียวกันบน X ว่า "ฮามาสต้องปลดอาวุธและยุติการปกครองในฉนวนกาซา" ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ประเทศอาหรับต่างๆ รวมถึงกาตาร์และอียิปต์ที่เป็นประเทศผู้ไกล่เกลี่ยหลักให้การรับรองเมื่อต้นสัปดาห์นี้
เธอกล่าวเสริมว่า ต้องมีการอนุญาตให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขนาดใหญ่เข้าถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ อิสราเอลได้จำกัดการเข้าถึงความช่วยเหลือในฉนวนกาซาอย่างเข้มงวด ขณะที่หน่วยงานสหประชาชาติ, กลุ่มด้านมนุษยธรรม และนักวิเคราะห์ระบุว่า เสบียงจำนวนมากที่อิสราเอลอนุญาตให้เข้ามานั้นถูกปล้นหรือนำไปใช้ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย ขณะที่ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อแสวงหาความช่วยเหลือที่แจกจ่ายผ่านช่องทางควบคุมเพียงเท่านั้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซาระบุว่า การยิงโจมตีของอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์ 9 รายซึ่งกำลังรอรับอาหารจากสถานที่ซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิมนุษยธรรมกาซา (GHF) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอล ใกล้กับเมืองราฟาห์ทางตอนใต้
มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 รายใกล้กับสถานที่ให้ความช่วยเหลือของ GHF อีกแห่งหนึ่งในใจกลางกาซาเมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่การโจมตีของอิสราเอลในพื้นที่อื่นๆ คร่าชีวิตผู้คนไป 5 ราย
บราสลาฟสกีและเดวิดเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวประกัน 49 คนที่ถูกจับตัวไประหว่างการโจมตีของกลุ่มฮามาสในปี 2023 และยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในกาซา รวมถึง 27 รายที่กองทัพอิสราเอลระบุว่าเสียชีวิตแล้ว
ตัวประกัน 251 คนที่ถูกจับกุมในการโจมตีครั้งนี้ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวในช่วงพักรบระยะสั้นสองครั้ง โดยบางส่วนได้รับการปล่อยตัวเพื่อแลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกควบคุมตัวโดยอิสราเอล
การโจมตีของกลุ่มฮามาสในปี 2023 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,219 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนในอิสราเอล
ขณะที่การสู้รบของอิสราเอลในฉนวนกาซาคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 60,430 รายและส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในกาซา.