โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

MOODY: ไม่รู้บางเรื่องก็ดีเหมือนกัน ว่าด้วยศิลปะของการ ‘ไม่รู้’ ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร

BrandThink

เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คนเรามักกลัวการไม่รู้ เพราะกลัวคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แต่หลายครั้งการทำเป็นไม่รู้ หรือเลือกไม่รับรู้กลับทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น

เพราะชีวิตทุกวันนี้ เราอยู่ท่ามกลางข่าวสารข้อมูลมากมายที่ไหล่บ่าเข้ามาให้เสพ มันทั้งมาไวไปไวและมหาศาล จนแทบหายใจไม่ทั่วปวด หรือบางคนมีปมในใจจากการถูกตีตราว่า เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ ทำให้กระตือรือร้นในการต้องรู้ทุกอย่าง จนอาจกลายเป็นภาระที่บีบคั้นจิตใจโดยไม่รู้ตัว แต่บางครั้งการ ‘เลือกไม่รับรู้’ อาจทำให้สุขภาพใจเราดีขึ้นก็ได้นะ

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งโดยเฟธ (Fath) และคณะ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Opinion in Psychology พูดถึงแนวคิดที่น่าสนใจมาก เรียกว่า ‘Willful Ignorance’ หรือ ‘การเพิกเฉยโดยตั้งใจ’ อย่างในวันที่เราไม่อยากกดอ่านข่าวเศร้าๆ ที่แชร์ต่อกันมาในกลุ่มเพื่อน หรือเลือกไม่เข้าไปดูคลิปที่รู้ว่าจะสะเทือนใจมากแน่ๆ ไม่ใช่เพราะเราใจร้ายหรือเพิกเฉยต่อโลก แต่เพราะใจเรายังไม่พร้อมจะรับความเจ็บปวดก้อนใหญ่นั้นในตอนนั้น

เหมือนกับคนบางกลุ่มที่หลีกเลี่ยงข้อมูลเพราะรู้ว่า ถ้ารู้ไปแล้วจะทำให้รู้สึกผิด เช่น ผู้บริหารที่ไม่อยากรู้ว่าการลดงบกระทบพนักงานอย่างไร คนรักเนื้อที่ไม่อยากดูภาพฟาร์มอุตสาหกรรม หรือคนที่บินบ่อยแต่ไม่อยากอ่านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะในใจลึกๆ พวกเขาอาจกลัวว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรบางอย่าง หรือรู้สึกผิดจนอยู่ไม่สุข การ ‘ไม่รู้’ จึงกลายเป็นเกราะบางๆ ที่ใช้ปกป้องตัวเองจากความรู้สึกผิดและแรงตัดสินจากสังคม โดยการเลือกไม่รับรู้แบบนี้อาจดีต่อใจตน แต่ย่อมส่งผลกระทบต่อคนอื่นและสังคมแน่นอน

ในอีกมุมหนึ่ง บางคนเลือกไม่รู้เพราะใจล้าเกินจะไตร่ตรองข้อมูลเยอะๆ เช่น เวลาจะย้ายบ้าน เปลี่ยนงาน หรือเลือกประกันสุขภาพ หลายครั้งเราอาจตัดสินใจเร็วๆ แค่เพื่อให้เรื่องจบ เพราะสมองและหัวใจรับอะไรอีกไม่ไหวแล้ว แบบนี้ก็ถือเป็น Willful Ignorance เช่นกัน แต่จะเกิดขึ้นจาก ‘ความเหนื่อยล้า’ มากกว่าความเฉยเมย

และเชื่อไหมว่า การไม่รู้บางเรื่องในเวลาหนึ่ง ก็อาจเป็นการ ‘ดูแลใจตัวเอง’ ที่เรียบง่ายได้ เช่น เวลาที่เราต้องเผชิญกับความจริงที่เจ็บปวดเกินรับไหว คนที่รู้ว่าคนรักป่วยระยะสุดท้าย อาจยังไม่พร้อมเปิดอ่านรายละเอียดทางการแพทย์ทั้งหมด หรือคนที่ต้องทำงานอันตรายเพราะมีภาระต้องรับผิดชอบ อาจเลือกไม่เสิร์ชหาข้อมูลเรื่องความเสี่ยง เพราะถ้ารู้ไปมากกว่านี้ ใจก็อาจไม่กล้าก้าวต่อ

นี่คือรูปแบบหนึ่งของ ‘การปกป้องอารมณ์’ (Emotion Regulation) ที่ถ้าใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม มันไม่ผิดเลย และอาจช่วยให้เราเข้มแข็งพอจะกลับมาเผชิญกับความจริงได้ในวันที่พร้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่เรียกว่า ‘Self-Blinding’ หรือ ‘การปิดบังตัวเอง’ ซึ่งในแวดวงวิทยาศาสตร์ นักวิจัยจะไม่รู้ว่าใครได้ยาจริงหรือยาหลอก เพื่อให้การทดลองเป็นกลางที่สุด หรือในวงการอื่น เช่น การรับสมัครงานหรือการประเมินผลงาน การไม่รู้ชื่อ รูป หรือข้อมูลส่วนตัวของผู้สมัคร ก็ช่วยให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของความสามารถจริงๆ ไม่ถูกอคติเล็กๆ ในใจมาบังตาโดยไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า การไม่รู้บางอย่าง ไม่ได้แปลว่าเราไม่ใส่ใจ แต่เป็นการตัดข้อมูลที่ ‘ไม่จำเป็น’ ออกไป เพื่อให้การตัดสินใจแม่นยำ เป็นธรรม และสบายใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การ’ เลือกไม่รู้’ ในโลกที่กระตุ้นให้เรารู้อยู่ตลอดเวลา มันไม่ง่ายเลย เพราะมนุษย์มีธรรมชาติที่อยากรู้อยากเห็น ชอบเติมช่องว่างของความไม่รู้ให้เต็ม และหลายคนก็มั่นใจว่า ยิ่งรู้เยอะ ยิ่งตัดสินใจได้ดี ทั้งที่จริง ข้อมูลบางอย่างก็แค่สร้างเสียงรบกวน และความสับสนโดยไม่จำเป็น

สิ่งที่MOODY อยากชวนให้ทุกคนลองทำคือ ก่อนจะเปิดดูอะไร หรือเสิร์ชอะไร ลองถามใจตัวเองว่า “เราอยากรู้นี้จริงๆ หรือจำเป็นต้องรู้มันตอนนี้หรือเปล่า” ถ้าคำตอบคือ “ยังไม่จำเป็น” ก็ไม่ต้องฝืนรับมันเข้ามาก็ได้ รอให้ใจพร้อมก่อนก็ไม่เสียหาย

หรือถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อในข้อมูลและเหตุผลมาก ลองสังเกตดูว่า ข้อมูลอะไรที่เราใช้ในการตัดสินใจบ่อยๆ มันมีสิ่งที่ไม่จำเป็นแอบแฝงอยู่บ้างไหม เช่น การซื้อของเพราะ ‘ขายดีอันดับหนึ่ง’ หรือเพราะมีคนดังรีวิว ให้ลองใช้การเขียนไดอารีการตัดสินใจจะช่วยให้เราเห็นว่า อะไรคือสิ่งที่เราตัดสินใจจากใจตัวเองจริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เราเผลอให้ข้อมูลภายนอกมาครอบงำ

สุดท้ายนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่า ‘การไม่รู้’ ไม่ผิด ไม่ได้หมายความว่าเราโง่ หรือจะกลายเป็นคนไม่ทันโลก แต่บางครั้งคือการยอมรับว่าหัวใจเราก็มีขีดจำกัดของมัน และไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในทันที เพื่อจะเป็น ‘คนเก่ง’ หรือ ‘คนดี’ เสมอไป

เพราะสิ่งสำคัญกว่าการรับรู้ข้อมูลคือ ‘การรู้ว่าอะไรควรใส่ใจ’ และ ‘อะไรควรวางไว้ก่อน’ อาจเป็นทักษะสำคัญที่สุด บางครั้งการอยู่กับความไม่รู้ ก็อาจทำให้เราอยู่กับตัวเองได้ลึกขึ้นกว่าที่คิด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BrandThink

POP: ถอดรหัสแฟชั่นชุดนอนคุณยาย เมื่อ ‘ชุดนอนวินเทจ’ กลายเป็น ‘ชุดเที่ยวสุดเก๋’ ที่สาวๆ สายแฟต้องมี!

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

MIND: งานวิจัยชี้ คนสุขภาพจิตดี จะมีเพื่อนอย่างน้อย 5 คน ไว้แชร์เรื่องราวสำคัญในชีวิต (ถ้ามีเพื่อนเพียง 3 คน เสี่ยงสุขภาพจิตแย่ได้)

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

Beyoncé ปล่อยวิดีโอ The Denim Cowboy เพื่อส่งท้ายแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE

THE STANDARD

กลับมาอีกครั้ง! Dragonfly Summit 2025 กับแนวคิด FLOW ปลุกพลังผู้นำ

กรุงเทพธุรกิจ

ครั้งแรก ! อาหารไทยลุยภารกิจระดับโลกกับ NASA

BT Beartai

เตือนภัยใกล้ตัว อาการจะเป็นลมไม่ใช่เรื่องปกติ อันตรายถึงชีวิต

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

เช็กลิสต์หลักสูตรอบรมดูแลผู้สูงอายุฟรี มีที่ไหนบ้าง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

กระแส ‘แบนเกมและเว็บโป๊’ กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก มาตรการจำกัดการเข้าถึงนี้จะเป็นผลดีหรือผลักให้คนเข้าหา ‘ช่องทางใต้ดิน’

Thairath Plus - ไทยรัฐพลัส

รู้จัก ลิล เทย์ อดีตเน็ตไอดอลดัง หลังข่าวลวงเรื่องการเสียชีวิต สู่การเปิดตัวใน OnlyFans

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

หลายคนคิดว่าการมีสุขภาพดีของคนทำงานต้องจ่ายแพง… แต่

The MATTER

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...