พิชัยเผย ครม. รับทราบผลภาษีทรัมป์ 19% จ่อลงรายละเอียดสินค้าสหรัฐฯนำเข้าไทย 0% ก่อนส่งสภาฯไฟเขียว
วันนี้ (1 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษวันนี้ว่า วันนี้มีการหารือ 2 เรื่อง คือ กรณีภาษีสหรัฐฯ และ การปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์วิธีในการใช้งบประมาณรายจ่ายจากงบกลางเพื่อจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะรุนแรงที่ชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด เพื่อจะดูเรื่องค่าใช้จ่าย จากการบาดเจ็บเสียชีวิต ทุพพลภาพ รวมถึงความเสียหายของบ้านเรือน โดยจะใช้กรณีพิเศษในการดูแลเรื่องนี้ ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาเรื่องตัวเลข แต่จะมากกว่าที่เคยประกาศไว้
โดยที่ประชุม ครม. นัดพิเศษได้รับมตินี้และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาหารือ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. อีกครั้ง วันอังคารที่ 5 สิงหาคมนี้ ซึ่งหากจะใช้งบกลางก็สามารถหยิบไปจ่ายได้ทันที
ด้าน พิชัย ระบุถึงผลการประชุมมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้หลังสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยอยู่ที่ 19% ว่า ได้นำข้อเสนอที่ทีมไทยแลนด์ ยื่นให้สหรัฐฯรายงานให้ที่ประชุม ครม. รับทราบและให้ความเห็นชอบ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวไม่มีข้อผูกพัน หลังจากนี้จะดำเนินการเพื่อลงรายละเอียดในสัญญาแต่ละเรื่องโดยเร็ววัน
ส่วนข้อเสนอต่างๆ ของเราจะได้รับการเผยแพร่จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลังจากนี้จะมีการตกลงกติกาลงรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อสินค้าและนำเข้า โดยเฉพาะเรื่องต้นกำเนิดสินค้า
พิชัยกล่าวอีกว่า สังเกตหรือไม่ว่าการประกาศครั้งนี้มีหลายประเทศพร้อมกัน เพราะมีกรอบคล้ายๆ กัน เชื่อว่าสหรัฐฯ จะพิจารณากรอบเจรจาของประเทศอื่นด้วยว่าแตกต่างกันอย่างไร จากนั้นจะนำข้อตกลงกรอบใหญ่นำมาซึ่งการดำเนินการทำสัญญาในรายละเอียดต่อไป เพราะตอนนี้เป็นการเจรจาครั้งที่ 1
ทั้งนี้ คิดว่ารายละเอียดหลายอย่างก็ยังเปิดไว้ เช่น เรื่องที่เราจะซื้อและนำเข้าสหรัฐฯ จะมีกติกาอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ คือ ต้นกำเนิดสินค้า
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ พิชัยระบุว่า เตรียมเรื่องที่จะช่วยไว้แล้วตามความจำเป็นของแต่ละธุรกิจ แต่ในที่ประชุม ครม. วันนี้ยังไม่มีการพูดถึง ซึ่งจะพิจารณาตามความจำเป็นและผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละกลุ่ม โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ขอเป็นซอฟต์โลน หรือการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าผลิตและส่งออก เพราะไม่รู้จะเจออัตราภาษีเท่าไหร่ จึงทำให้การส่งออกชะลอตัว ซึ่งอาจจะมีสินค้าที่ค้างในสต๊อก แล้ววันนี้มาทราบแล้วก็จะเดินหน้าเจรจาซื้อขาย ซึ่งหากใครส่งก่อนวันที่ 7 สิงหาคม ก็จะได้ภาษี 10% หลังจากนั้นก็จะได้ภาษี 19% และเชื่อว่าผู้ประกอบการของไทยจะเร่งส่งออกช่วงนี้
เมื่อถามว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ พิชัยระบุว่า รายละเอียดเยอะ แต่ก็คงจะทำให้เร็วที่สุด และเมื่อทำให้เร็วที่สุดเชื่อว่าสหรัฐก็จะดูประเทศอื่นที่ร่วมด้วยว่าเจรจากันอย่างไร
ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้มี 2 ลักษณะ คือ เงินทุนหมุนเวียนชั่วคราวก่อนที่จะส่งออก เพราะมีสต๊อกค้างไว้ ทำให้การส่งออกล่าช้า ซึ่งส่วนนี้อาจจะใช้ระยะเวลาสั้นๆ 6 เดือน-1 ปี กับอีกลักษณะที่ต้องแก้ไขปัญหาระยะยาว หลังจากส่งออกสิ่งที่ต้องทำคือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น ต้องดูตามรายกลุ่มว่ากลุ่มไหนสู้ไม่ได้เรื่องอะไร ทำอย่างไรจะปรับตัวได้ ซึ่งถือโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขณะนี้กำลังทำงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อจะดูแต่ละชนิดของประเภทธุรกิจ
ส่วนขั้นตอนที่สินค้าจากสหรัฐฯเมื่อนำเข้าประเทศไทยจะเสียภาษี 0% จะเริ่มมีผลเมื่อไหร่ พิชัยกล่าวว่า จะเกิดผลต่อเมื่อ เรานำเรื่องนี้ผ่านสภาแล้ว ต้องมีขั้นตอนเตรียมการ และจริงๆ คำว่า 0% ไม่ได้ 0% ทุกชนิดทันที ซึ่งพวกที่ 0% ทันที ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เราให้ประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐฯส่งมาที่เรา ดังนั้น เราก็พร้อมจะให้สินค้าประเภทนี้เป็น 0% อยู่แล้ว
ขณะที่ อีกประเภทที่เราให้นำเข้ามาได้ อาจจะ 0% หรือไม่ 0% แต่ขอให้เป็นการจำกัดปริมาณไว้ให้เท่าที่เราจำเป็น
“ไม่มีกำหนดเวลา เพราะเป็นเรื่องที่ทางสหรัฐฯกับไทย ต้องตกลงกันให้ได้เรียบร้อยก่อน เมื่อตกลงเสร็จแล้ว เรานำเข้าตามขั้นตอนกฎหมายเสร็จเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” พิชัย กล่าว