ถึงเวลาของ Gen 2 “ซีเนียร์ คอม” พลิกโฉมระบบ DMS ลุยตลาดอาเซียน
หนึ่งในมูฟเมนต์ของแวดวงธุรกิจต่าง ๆ ในปีนี้ คือการที่หลายบริษัทเริ่มมีทายาทธุรกิจเข้ามารับไม้ต่อก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำ” ขับเคลื่อนองค์กรก้าวข้ามความท้าทายใหม่ ๆ บ้างก็ไต่เต้าฝึกปรือฝีมือในตำแหน่งต่าง ๆ ในองค์กรตนเอง บ้างก็ไปเรียนรู้งานที่อื่นก่อนกลับมาสานต่อธุรกิจ
ในฟากอุตสาหกรรมเทคโนโลยี บริษัทเก่าแก่อายุ 33 ปี “ซีเนียร์ คอม” ผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการดีลเลอร์รถยนต์ (Dealer Management System : DMS) ก็เพิ่งเปิดตัวซีอีโอ“Gen 2-สุพิชชา อึงอารี” บุตรสาวคนโตของ “สมเกียรติ อึงอารี” ผู้ก่อตั้งบริษัท ไปหมาด ๆ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
“สุพิชชา” สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทหลักสูตร Master of Science in Business Administration (MSBA) จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์
หลังเรียนจบได้เข้าไปทำงานที่ “ช้อปปี้” (Sea Group) ในตำแหน่ง Business Intelligence Analyst อยู่ราว 1 ปี ก่อนเข้ามาเรียนรู้งานที่ “ซีเนียร์ คอม” ในตำแหน่ง Project Manager ในปี 2561
ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็น Deputy CEO ในปี 2563 กับภารกิจในการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ ทั้งในแง่ตัวผลิตภัณฑ์ การขาย และการตลาด เพื่อปูทางไปสู่ “ยุคใหม่” ของบริษัท อย่างเป็นทางการ
เจาะธุรกิจ “ซีเนียร์ คอม”
“สุพิชชา อึงอารี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีเนียร์ คอม จำกัด กล่าวว่า โซลูชั่นที่บริษัทให้บริการกับกลุ่มดีลเลอร์รถยนต์ มี 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ระบบ DMS บริหารจัดการดีลเลอร์ ครอบคลุมรถยนต์ทุกประเภท โดยบริษัทได้เข้าไปวางเวิร์กโฟลว์ และทรานส์ฟอร์มวิธีการทำงาน เพื่อช่วยให้ดีลเลอร์ทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น มีระบบวัดผล และวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย สำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุนในอนาคต รวมถึงการเชื่อมต่อระบบกับบริษัทแม่ในต่างประเทศ และงานบริการหลังการขาย เป็นต้น
และ 2.โซลูชั่นทางการเงิน ได้แก่ H-Meter โปรแกรมบริหารสินเชื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านสินเชื่อ เช่าซื้อ ลีสซิ่ง ไฟแนนซ์ รองรับการทำงานของทุกขนาดธุรกิจ และ H-Meter Ploan โปรแกรมควบคุมการดำเนินงานด้านสินเชื่อส่วนบุคคล
“ซีเนียร์ คอม อยู่ในตลาดนี้มานาน ได้รับความไว้วางใจจากดีลเลอร์แบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น นิสสัน, ฮีโน่, ซูซูกิ, ฟอร์ด และลีปมอเตอร์ ปัจจุบันมีดีลเลอร์ 500-600 ราย ใช้บริการของบริษัท เกือบครึ่งของดีลเลอร์ทั้งประเทศที่มีราว 1,300 ราย เรียกได้ว่าเราครองส่วนแบ่งตลาด DMS ในไทยกว่า 40% อีก 60% ที่เหลือใช้โซลูชั่นตามนโยบายบริษัทแม่ และผู้ให้บริการที่เป็นคู่แข่งของบริษัท”
โอกาสจากตลาด EV
“สุพิชชา” กล่าวต่อว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการเข้ามาทำตลาดของรถยนต์ EV จาก “จีน” มากกว่า 10 แบรนด์ โดยมีมาตรการ“Tax-Free” หรือภาษีนำเข้า 0% เป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนที่ทำให้ตลาดรถยนต์ EV ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2567 มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 8 เท่า ที่สำคัญ ประเทศไทยยังขึ้นเป็น Top 10 ของตลาดรถยนต์ EV ทั่วโลกอีกด้วย แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศจะยังเป็นรถยนต์สันดาปแบรนด์ “ญี่ปุ่น” ครองส่วนแบ่งมากกว่า แต่รถยนต์ EV ก็มีส่วนแบ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เมื่อก่อนเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นถึง 80% และลดลงเหลือ 59% ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา
“ในส่วนของยอดการออกรถใหม่ ก็พบว่าจากเดิมรถยนต์สันดาปมีสัดส่วนการขาย 90% รถยนต์ EV แค่ 10% แต่ใน 6 เดือนที่ผ่านมา สัดส่วนมีการเปลี่ยนแปลง โดยรถ EV เพิ่มเป็น 23% สะท้อนถึงอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเร็วมาก ๆ”
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม ทำให้ ซีเนียร์ คอม มองเห็นทิศทางการปรับตัวของดีลเลอร์เป็น 3 ทาง คือ 1.ย้ายค่ายจากแบรนด์เดิมจากที่เคยผูกพันกับแบรนด์ญี่ปุ่นก็หันมาร่วมมือแบรนด์จีน ที่เงื่อนไขยืดหยุ่นกว่า 2.ดีลเลอร์ 1 ราย ถือหลายแบรนด์พร้อมกัน และ 3.ดีลเลอร์หน้าใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น
“การปรับตัวของดีลเลอร์เป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญ ที่ทำให้ ซีเนียร์ คอม ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปรับวิธีการขายให้สอดคล้องความต้องการของดีลเลอร์แต่ละกลุ่ม แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 1.ผู้เล่นดั้งเดิม (Traditional Dealer) และ 2.ผู้เล่นใหม่ (New Player)”
ความแตกต่างค่ายญี่ปุ่น-จีน
“สุพิชชา” ขยายความต่อว่า ดีลเลอร์ที่ทำงานกับแบรนด์ญี่ปุ่น หรือแบรนด์ที่มีฐานอยู่ในไทยมานานจะมีระบบและมาตรฐานที่ชัดเจน มีเครือข่ายแข็งแรง มีฐานลูกค้ามั่นคง เป็นที่รู้จัก และได้รับความเชื่อมั่นในตลาด แต่โครงสร้างองค์กรเป็นแนวตั้ง ทำให้การตัดสินใจล่าช้า ต้องผ่านหลายขั้นตอน เช่น การเจรจาขอดีลส่วนลดเมื่อซื้อหลายคัน รวมไปถึงระบบไอที ก็มักเป็น Legacy System ที่เก่ามาก ๆ แล้ว
ขณะที่ดีลเลอร์แบรนด์จีน หรือกลุ่มสตาร์ตอัพอีวีจะโฟกัสที่ความเร็ว และความคล่องตัวในการทำตลาด สามารถปรับแผนการทำงานได้เรื่อย ๆ และใช้โครงสร้างองค์กรแบบแนวราบ (Agile Organization) ทำให้ตัดสินใจรวดเร็ว ทั้งทำงานแบบ Data-Driven ใช้ข้อมูลนำทาง จึงสนใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการเชื่อมต่อ API ที่ยืดหยุ่น
“การเข้าไปทำตลาดกับกลุ่มดั้งเดิมจะเน้นที่การอัพเกรดเทคโนโลยีให้ทันสมัยขึ้น เพราะระบบเดิมยังใช้โค้ดแบบเก่า ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงกว่า ส่วนกลุ่มดีลเลอร์ใหม่จะใช้ความชำนาญเข้าไปนำเสนอโซลูชั่น เพื่อเติมเต็มช่องว่างในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลลูกค้าแบบ 1st-Party Data”
เปิดตัว DV Platform
“สุพิชชา” กล่าวว่า ซีเนียร์ คอม พยายามจับลูกค้าทั้งกลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่ จึงมีการลงทุนหลายสิบล้านบาทในการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ชื่อ “DV Platform” (Dealer Vision) เชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์บน Cloud-Native Architecture เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความต่อเนื่อง การสเกลระบบ และการจัดการข้อมูลที่แยกกันเป็นไซโล
โดยมีบริการที่ตอบโจทย์ 3 ด้าน ได้แก่ 1.Sales งานขายตั้งแต่การรับ Lead จากแคมเปญออนไลน์ การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM), นัดหมายทดลองขับ, ตรวจสภาพรถเทรดอิน, เสนอราคา ไปจนถึงการติดตั้งอุปกรณ์เสริมผ่านแอปบนมือถือ มีภาพรวมข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศา ติดตามการขาย และประสานงานกับแผนกอื่นแบบไร้รอยต่อ
2.Service งานบริการ มีระบบจองคิวออนไลน์และแจ้งสถานะแบบเรียลไทม์, การเปิดใบสั่งซ่อมผ่านแท็บเลต, ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ, การบริหารช่องซ่อม (Workshop Management), ระบบจัดการเคลมประกันและคูปอง รวมถึงบริการ Mobile Service ที่ช่วยให้ดีลเลอร์ดูแลลูกค้าได้ในกรณีฉุกเฉิน
และ 3.Spare Parts งานอะไหล่ที่เพิ่มศักยภาพการจัดการอะไหล่ด้วยระบบที่สามารถตรวจสอบสต๊อกแบบเรียลไทม์ทั่วทั้งเครือข่ายดีลเลอร์ พร้อมระบบวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอะไหล่ (Part Movement Analysis) และความสามารถในการสั่งซื้อหรือโอนอะไหล่ระหว่างศูนย์ได้ทันที ลดโอกาสการขาดหรือล้นสต๊อก
“เราเริ่มพัฒนา DV เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นการยกเครื่องระบบ DMS ทั้งหมด โดยดึง AI เข้ามาช่วยประมวลผล และเปลี่ยนวิธีการขายเป็นแบบ Con-Current คือ 1 ยูสเซอร์ ใช้พร้อมกันได้หลายเครื่อง เพราะวิธีการขายแบบเดิมที่เป็น Standard Package หรือซื้อตามจำนวนล็อกอิน ไม่ตอบโจทย์เรื่องต้นทุนแล้ว ทำให้ดีลเลอร์ที่ใช้ระบบ DMS เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 30% และลดต้นทุนได้ 15%”
ลุยตลาดอาเซียน
“สุพิชชา” พูดถึงเป้าหมายในปีนี้ด้วยว่าจะมุ่งไปที่การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 40% เป็น 50% รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กร และสร้างทีมให้พร้อมรับการเติบโตที่มากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการแบบ Platform as a Service มีความยืดหยุ่นในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ส่วนเป้าหมายระยะกลางใน 2-3 ปีจากนี้จะเข้าไปให้บริการในตลาดอาเซียน
“ประเทศที่มองว่ามีศักยภาพมากคือ เวียดนาม เพราะตลาดรถยนต์ EV เติบโตดีมาก ทั้งยังไม่มีคนที่ครองตลาดระบบ DMS รวมถึงในมาเลเซียที่มีโอกาสเรื่องความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ การที่เราจะเปิดตลาดไปต่างประเทศได้โซลูชั่นต้อง Localize จริง ๆ รองรับทั้งเรื่องภาษา และการใช้งานที่ตอบโจทย์ ซึ่ง DV ฝังระบบกับ AI Library ทำให้รองรับได้ 40 ภาษา และในอนาคตจะรองรับภาษาอื่น ๆ ได้มากขึ้นด้วย”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ถึงเวลาของ Gen 2 “ซีเนียร์ คอม” พลิกโฉมระบบ DMS ลุยตลาดอาเซียน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net