NIA ทำอย่างไร ‘ปักหมุดแบรนด์นวัตกรรมไทย‘ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เดินหน้ายกระดับสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยให้เติบโตสู่เวทีโลก ภายใต้บทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับประเทศที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมแข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป
ผ่านโครงการความร่วมมือกับหลากหลายประเทศ เช่น สวีเดน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ ที่จะช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจนวัตกรรมไทยเข้าถึงตลาด โครงสร้างพื้นฐาน และแหล่งทุนระดับโลก พร้อมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของนวัตกรรมไทย คือ การสร้างการยอมรับในระดับสากล ตลอดจนการขยายตลาดและสร้างโอกาสให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
นวัตกรรมไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ
จึงเป็นโจทย์ที่ NIA กำหนดให้เป็นแนวทางส่งเสริมสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทยให้สามารถก้าวสู่เวทีโลกมากขึ้น ผ่านการทำงานเชิงรุกทั้งการสร้างความร่วมมือกับประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรม
เพื่อเชื่อมโยงกับเงินทุน โครงสร้างพื้นฐานระดับสากล โอกาสทางธุรกิจ และเครือข่ายพันธมิตร ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับศักยภาพนวัตกรรมไทยให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NIA ได้เชื่อมโยงเครือข่ายนวัตกรรม สร้างความร่วมมือ และทำงานกับหน่วยงานพันธมิตรจากหลากหลายประเทศอย่างเข้มข้น
เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บุคลากร สร้างโอกาสการขยายธุรกิจและการระดมทุน รวมถึงสร้างช่องทางและพื้นที่ให้นวัตกรรมไทยได้มีโอกาสไปโชว์ศักยภาพในเวทีระดับนานาชาติ
โดยเน้นทำงานกับกลุ่มประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับนวัตกรรมไทยทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม
NIA ได้ดำเนินโครงการ Scaleup Impact! Thailand-Sweden Global Startup Acceleration Program ซึ่งเป็นความร่วมมือของ NIA และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม
เพื่อบ่มเพาะและเร่งสร้างสตาร์ตอัปไทยในสาขา Impact Tech ที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายในตลาดนอร์ดิกได้เพิ่มขึ้นผ่านกิจกรรม “Thailand Pitch Day”
สตาร์ตอัปไทยในสาขาการแพทย์และสุขภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยีเชิงลึก ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) IoT และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ จำนวน 12 ทีม เข้าร่วมโชว์ศักยภาพและนำเสนอไอเดียธุรกิจสุดเข้มข้นต่อนักลงทุน
โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนในภูมิภาคนอร์ดิก หน่วยงานภาครัฐของไทยและสวีเดน เครือข่ายภาคธุรกิจ และกลุ่มคนไทยในสวีเดนเข้าร่วมงานกว่า 100 คน
ทั้งยังเป็นโอกาสในการแสวงหาแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนภายในเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29.6 เป็นร้อยละ 38.3 และมีความมั่นคงในระยะยาว
กลุ่มที่มีการลงทุนสูงสุดได้แก่ พลังงาน/เทคโนโลยีสีเขียว วิทยาศาสตร์ชีวภาพปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรอบการระดมทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024
แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุน และเป็นภาคส่วนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรปสำหรับการระดมทุนของสตาร์ตอัป โดยมีจำนวนดีลเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และกลุ่ม Fintech & Enterprise Solutions และ Robotics
โดยเฉพาะในเดนมาร์กที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมหุ่นยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงGaming หนึ่งในอุตสาหกรรมที่กลุ่มนอร์ดิกมีความแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาความแข็งแกร่งของระบบนิเวศสตาร์ตอัปและนวัตกรรมนอร์ดิก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนจากภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ
รวมถึงโครงสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และการลงทุนที่เหนียวแน่น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนานโยบายของไทยได้ในอนาคต เช่น เงินทุนสนับสนุน เงินกู้ โครงการเร่งการเติบโต วีซ่าผู้ประกอบการ ฯลฯ
จากการติดตามผลการดำเนินงานภายหลังเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว คาดการณ์ว่าสตาร์ตอัปจะสามารถสร้างรายได้หรือได้รับการลงทุนมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท
โครงการ Vienna Startup Package โปรแกรมสนับสนุนผู้ประกอบการจากต่างประเทศของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง NIA กับ Vienna Business Agency และ Advantage Austria เปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปจากทั่วทุกมุมโลกได้เข้าไปอยู่ในระบบนิเวศสตาร์ตอัปของเวียนนา เพื่อทดลองตลาดและสำรวจโอกาสทางธุรกิจในยุโรป
NIA ได้ส่ง 3 สตาร์ตอัปไทยเข้าร่วมงานViennaUp 2025 ได้แก่
1.Tasted Better แป้งทางเลือกที่มีค่าดัชนีน้ำตาล ซึ่งสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสำเร็จ อยู่ระหว่างการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น
2.Botnoi ผู้ให้บริการเทคโนโลยี AI แบบครบวงจร ทั้ง AI Chatbot, AI Voicebot, Data Scientist และให้คำปรึกษาด้าน AI โดยมีโอกาสนำร่องร่วมกับสถานทูตไทยในกรุงเวียนนา
และยังได้เข้าร่วมกับองค์กรส่งเสริมการค้าอย่างเป็นทางการของออสเตรีย ‘Advantage Austria’ ในไทย ที่เปิดโอกาสการเข้าถึงโครงการสนับสนุนและเครือข่ายด้านการค้าและการลงทุน
3.Moom สตาร์ตอัปด้านครีเอทีฟเทคที่ใช้เทคโนโลยี Regenerative AI ช่วยวางแผนและแก้ปัญหาการออกแบบภายใน
ViennaUp 2025 งานที่รวบรวมสตาร์ตอัป นักลงทุน บริษัทขนาดใหญ่ นักสร้างสรรค์ ผู้ที่สนใจเทคโนโลยี หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความร่วมมือ ผ่านเวทีสัมมนา กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ
และกิจกรรม Startup Pitches ของสตาร์ตอัปออสเตรียและนานาชาติในสาขา GreenTech และ DeepTech
NIA ยังได้หารือกับองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือ Innosuisse เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมและสตาร์ตอัป และการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ
Innosuisse เป็นหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงระหว่างภาควิจัย ภาคธุรกิจ และเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก ตลอดจนการให้คำปรึกษาและการฝึกอบรม
นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนโครงการนวัตกรรมขนาดใหญ่ที่เชื่อมภาคธุรกิจกับงานวิจัย การให้ทุนสนับสนุนเอสเอ็มอี ตรวจสอบแนวคิดนวัตกรรม รวมถึงการสนับสนุนสตาร์ตอัปที่พร้อมขยายตลาดผ่านโปรแกรม Scale-Up Coaching
เรียกได้ว่ามีบทบาทและพันธกิจสอดคล้องกับ NIA ทั้งการผลักดันนวัตกรรมผ่านกลไกสนับสนุนทางการเงิน การฝึกอบรม บ่มเพาะ การให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ และสร้างเครือข่ายกับนานาชาติ
ทั้งนี้ ยังได้หารือกับเครือข่ายอุทยานนวัตกรรมสวิตเซอร์แลนด์ตะวันตก (Switzerland Innovation Park Network West EPFL) เพื่อสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการและดีพเทคสตาร์ตอัปไทยผ่านโครงการ Swisstech Discovery Program
โดยเฉพาะโปรแกรม Soft-Landing ที่เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงระบบนิเวศของสวิตเซอร์แลนด์ โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งบริษัทในประเทศ
พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ เช่น พื้นที่ทำงานในอุทยานนวัตกรรม การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และการเข้าถึงเครือข่ายของ EPFL, Campus Biotech, และพันธมิตรชั้นนำทั่วโลก
NIA มีโครงการStartup Thailand และ Global Startup Hub ที่สามารถต่อยอดความร่วมมือกับ EPFL Innovation Park เพื่อแลกเปลี่ยนบริการสนับสนุนดีพเทคสตาร์ตอัประหว่างสองประเทศ และช่วยให้สตาร์ตอัปไทยได้เรียนรู้และเติบโตในตลาดระดับสากล
นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปิดประตูให้สตาร์ตอัปไทยได้เรียนรู้ เติบโต และขยายโอกาสในระดับสากล ผ่านระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็งของสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ NIA ได้สร้างเครือข่ายพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมไทย เพื่อ‘ปักหมุดแบรนด์นวัตกรรมไทย’ ให้กลายเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ที่ไม่เพียงเร่งการเติบโตของนวัตกรรมในประเทศ แต่ยังส่งต่อศักยภาพสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม.