ภูมิธรรมเปิดทำเนียบฯดึงเชื่อมั่น พบบิ๊กคอร์ป 30 บริษัทชั้นนำ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมจัดการหารือระดับสูงระหว่างผู้นำรัฐบาลกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำระดับโลก ในวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการหารือกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำดังกล่าวโดยรักษาราชการแทนนายกฯจะเป็นประธานการหารือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย
ในงาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future - Prime Minister's Dialogue with Global Investors” ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
พร้อมทั้งเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ในเวลา 11.00 น.
"การหารือระดับสูงดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้ชื่องาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future - Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” เป็นการหารือระดับสูงระหว่างผู้นำรัฐบาลกับผู้บริหารบริษัทชั้นนำระดับโลกที่เข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ในไทย ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา"
ถือเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเศรษฐกิจไทย และทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในไทย ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในการดำเนินธุรกิจในไทยต่อไป รวมถึงการตัดสินใจเข้ามาลงทุนหรือขยายการลงทุนในไทย
ทั้งนี้ งานดังกล่าวมีผู้บริหารบริษัทชั้นนำเข้าร่วมมากกว่า 30 บริษัท ใน 4 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ไฟฟ้า ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio - Circular - Green Economy)
ภายหลังการหารือฯ รัฐบาล โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จะจัดพิธีลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการ 6 แห่ง
เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการแรงงานทักษะสูงรองรับการลงทุนเป็นจำนวนมาก
"รัฐบาลเดินหน้าเชิงรุกดึงดูดการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ" นายจิรายุ กล่าว