"โรม"ปธ.กมธ.มั่นคงฯ ร่วมประชุมกรณีคลิปเสียง"อุ๊งอิ๊ง - ฮุนเซน"
(3ก.ค.68) ที่ อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
นายรังสิมันต์ ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงในเบื้องต้น อาทิ นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้า , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ รวมถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าฝ่ายเลขานุการจะส่งตัวแทนคนใดมาเข้าร่วมประชุม
เบื้องต้นต้องยอมรับว่า ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายบริหารน้อย ทั้งที่เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในประเด็นคลิปเสียง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ คลิปที่นางสาวแพทองธาร สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถือว่ามีปัญหาทั้งในเชิงวิธีการและเนื้อหา ส่วนที่สองคือคลิปที่มีการกล่าวอ้างถึงคำสั่งฆ่าคนกัมพูชาบนแผ่นดินไทย ซึ่งมีข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจในกัมพูชา ทั้งสองกรณีมีความร้ายแรง โดยเฉพาะคลิปหลัง ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยไทย และไม่ควรปล่อยผ่าน
เมื่อถามว่า ความตึงเครียดทางการเมืองจะกระทบต่อการพิจารณาประเด็นนี้หรือไม่ นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่ง่าย เพราะทางกัมพูชาได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะยื่นเรื่องต่อศาลโลก พร้อมเตรียมการพูดคุยกับนักกฎหมายในยุโรปเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป แม้ในทางเทคนิคจะเป็นเพียงการแสดงเจตจำนงเบื้องต้น แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามกดดันให้ไทยตอบโต้ ซึ่งอาจถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างในกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศได้
นายรังสิมันต์ ยังระบุว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนยังคงดำรงอยู่ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ซึ่งไม่ชัดเจนว่ามาตรการที่มีอยู่สามารถจัดการได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานในพื้นที่ชายแดน เช่น จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีการร้องเรียนถึงปัญหานี้จาก ส.ส.ในพื้นที่
รวมถึงมาตรการใดก็ตามที่รัฐบาลใช้ต่อกัมพูชาจะต้องมีการประเมินผลกระทบต่อประชาชนอย่างรอบด้าน ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ปล่อยให้ประชาชนแบกรับภาระเพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะในเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากสามารถปราบปรามได้สำเร็จ จะเป็นประโยชน์กับประเทศในระยะยาว เพราะสถานที่ตั้งของเครือข่ายส่วนใหญ่อยู่ในกัมพูชา ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาความมั่นคงอย่างเพียงพอ
นายรังสิมันต์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะตำแหน่งดังกล่าวมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะในด้านยุทธศาสตร์และการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งควรมีผู้รับผิดชอบโดยเร็ว
“วันนี้เราคาดหวังให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งกับกัมพูชา หรือปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากรัฐบาลยังไม่แสดงความชัดเจน ย่อมส่งสัญญาณที่ผิด และสร้างความคลางแคลงใจให้กับประชาชนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ต่อไป ” นายรังสิมันต์ ทิ้งท้าย
ข่าวเวิร์คพอยท์23