พิษศก.ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าหด 8% ‘แอร์’ ร่วงหนัก 22% สงครามราคาเดือด
ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าประเทศไทย มูลค่ารวม 2.3-2.4 แสนล้านบาท กำลังเผชิญมรสุมลูกใหญ่จากกำลังซื้อประชาชนที่รัดเข็มขัดแน่น ด้วยความกังวลความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย โดยตลาดที่หดตัวลงมากสุดคือ เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากสภาพอากาศไม่ร้อนมากเทียบปีก่อนๆ
ทั้งนี้กลุ่มเครื่องปรับอากาศเป็นเซ็กเมนต์ใหญ่ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย จากการรายงานของบริษัทวิจัยทางด้านการตลาด จีเอฟเค กับตลาดรวมเครื่องปรับอากาศมีมูลค่าประมาณ 2.5-3 หมื่นล้านบาทต่อปี มีจำนวนยูนิตรวมในประเทศต่อปี 2.4-2.6 ล้านเครื่อง เมื่อสำรวจประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตหลักของแบรนด์ใหญ่เครื่องปรับอากาศจากทั้งญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ทั้ง ไดกิ้น มิตซูบิชิ โตชิบา แอลจี ไมเดีย และไฮเออร์ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อยอดการผลิตปรับลดลง จึงสะท้อนถึงภาพการผลิตของไทยในหลายส่วน กำลังถูกกระทบต่อเนื่องจากเศรษฐกิจเช่นกัน
นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 ตลาดรวมมูลค่า 2.3-2.4 แสนล้านบาท อยู่ในระดับทรงตัว หรือขยายตัวเล็กน้อย ปัจจัยหลักที่มีผลมาจาก ตลาดเครื่องปรับอากาศที่เป็นเซ็กเมนต์ใหญ่ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย หดตัวลงในระดับเกิน 10% เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศไทยช่วงฤดูร้อน มีสภาพร้อนน้อยกว่าปกติ และกลุ่มลูกค้าในตลาดล่าง ค่อนข้างระมัดระวังในการใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มอื่น แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าระดับบนยังสามารถเลือกใช้จ่ายได้ตามปกติ
ขณะเดียวกันนโยบายการกระตุ้นของภาครัฐในการช่วยใช้จ่ายกับค่าลดหย่อนEasy E-Receipt2.0 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้จำกัดวงเงินสำหรับการเลือกซื้อสินค้าทั่วไปที่ 30,000 บาทแตกต่างจากนโยบายครั้งก่อน ทำให้แรงหนุนในการใช้จ่ายอยู่ในระดับต่ำ ส่วนตลาดรวมที่ขยายตัวสูง มาจากกลุ่มโทรศัพท์มือถือ สร้างการเติบโตในระดับสองหลัก
สำหรับภาพรวมตลาดในครึ่งปีหลังประเมินว่าจะต้องมีการแข่งขันที่มากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันจัดทำโปรโมชั่น เพื่อร่วมกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคและการทำแคมเปญต่างๆ ไปจนถึงการทำลดแลกแจกแถม อาจมีผลทำให้ผู้ประกอบการต่างมีกำไรที่ปรับลดลง จึงประเมินว่า จากหลายปัจจัยที่ต้องติดตามจึงมีผลทำให้ตลาดรวมในปีนี้ 2568 อาจอยู่ในระดับทรงตัว หรือขยายตัวประมาณ 4-5%
“แอร์-เครื่องซักผ้า-ตู้เย็น”ร่วงหนัก 8%
นายต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยด้านจำนวนเครื่อง ชะลอตัวลง 8% เทียบปีก่อน ส่วนในด้านมูลค่าลดลง 10% เช่นกัน เป็นผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ลูกค้าต่างระมัดระวังในการใช้จ่าย
สำหรับไฮเออร์สร้างการเติบโตได้มากกว่าตลาดรวม ท่ามกลางตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยที่แข่งขันรุนแรง มาจากการเน้นการนำเสนอสินค้านวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีเอไอเข้ามาร่วมกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มลูกค้า โดยบริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตช่วงครึ่งปีแรก ทางด้านจำนวนเครื่องได้ถึง 40% จึงสามารถก้าวสู่ผู้นำตลาดไทยในด้านจำนวนเครื่อง ส่วนทางด้านมูลค่าเพิ่มขึ้น 14% ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับสอง
แอร์ติดลบครั้งแรกรอบ 4 ปี
นายเกษมสันต์ โอซาว่า ผู้อำนวยการฝ่ายขายและกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) เสริมว่า จากการรายงานของ บริษัท จีเอฟเค กับตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า 3 กลุ่มประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ในช่วง 5 เดือนแรก มีมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท หดตัวลง 8% จากแรงกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทย ส่งผลให้ลูกค้าอยากเก็บเงินไว้ให้มากที่สุด และไม่ต้องการใช้จ่าย โดยกลุ่มที่ปรับลดลงมากจะเป็น เครื่องปรับอากาศ หดตัวลง 22% ในด้านจำนวนเครื่อง รองลงมา ตู้เย็น หดตัวลง 4% ยกเว้นเครื่องซักผ้า ที่มีการขยายตัวอยู่
ทั้งนี้กลุ่มเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย เมื่อสำรวจแบรนด์ใหญ่ในตลาดต่างมียอดขายที่ลดลงทุกแบรนด์ในระดับแตกต่างกัน โดยไฮเออร์ มียอดขายปรับลดลง 10% แต่น้อยกว่าตลาด จึงประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จะเน้นโปรโมชั่น และทำแคมเปญการตลาด รวมถึงเครื่องปรับอากาศ แบรนด์ต่างๆ อาจปรับลดราคาประมาณ 10-15% เพื่อร่วมกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้าให้มีความคึกคักมากขึ้น
ส่งเครื่องซักผ้านวัตกรรมดันยอด 1.4 หมื่นล้าน
ทางด้านแผนไฮเออร์ในครึ่งปีหลัง วางงบไว้ 500 ล้านบาท พร้อมมุ่งขยายสินค้ารุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาด ทั้งในกลุ่มเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า เนื่องจากการเข้าสู่หน้าฝน โดยกลุ่มเครื่องซักผ้า มีรุ่นใหม่ ทั้งรุ่น L+ , Laundry Center และ X Series รวมถึงการเน้นดีไซน์ใหม่ที่เปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านและการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีเอไอ และช่วยการประหยัดค่าไฟฟ้า รวมถึงการเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม จากการที่สามารถนำกระเป๋าแบรนด์เนม นำไปซักในเครื่องซักผ้าได้ด้วย
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท ไฮเออร์ในปี 2568 ประเมินว่าจะสามารถปิดยอดขายได้ที่ 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน ที่สร้างยอดขายรวมได้ถึงระดับ 10,000 ล้านบาท ส่วนภาพรวมเครื่องซักผ้าได้ประเมินว่าจะสร้างยอดขายรวมถึงระดับ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน และสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดได้ที่ 15%
ไทยเป็นฐานผลิตแอร์อันดับสามของโลก จับตาเจรจาภาษีการค้า
ทางด้านฉันท์ชาย พันธุฟักผู้จัดการทั่วไป บริษัทออลล์ แวลู่ อินไซท์ ดาต้าจำกัด ที่ทำทางด้านบิ๊กดาต้าเครื่องใช้ไฟฟ้า กล่าวว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศอันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศจีนอันหนึ่ง ประเทศเม็กซิโก อันดับสอง โดยประเทศไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก
แต่เมื่อภาพรวมตลาดรวมเครื่องปรับอากาศของไทยที่หดตัวลงมาก เป็นผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก และมีการทำตลาดในประเทศสัดส่วนที่น้อย โดยตลาดในไทยชะลอตัวลง แบรนด์ต่างๆ จึงต้องเร่งการส่งออกมากขึ้น ทางด้านปัจจัยที่ต้องติดตามมากสุดคือ เรื่องสงครามการค้า และมาตรการทางภาษีระหว่างไทยและสหรัฐ จะเป็นอย่างไร ที่จะมีผลกระทบต่อเนื่องต่อการผลิตระยะยาวในไทย