ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแนวชายแดนเผย เด็กชายแดนมีภูมิคุ้มกันเหตุปะทะ “ไทย-เขมร”
ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแนวชายแดนเผย เด็กชายแดนมีภูมิคุ้มกันเหตุปะทะ “ไทย-เขมร” ด้านทีมแพทย์แจงขาดแคลน “แพมเพิส” ผู้สูงอายุ
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2568 ที่จ.สุรินทร์ ผุ้สื่อข่าว The Room 44 ได้ลงพื้นที่ศูนย์อพยพ ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกรณ์ปะทะกันระหว่าไทย-กัมพูชา ซึ่งในจุดแรกเป็นศูนย์อพยพขนาดกลางที่เป็นโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างจากอ.เมือง ประมาณหนึ่ง แต่ จุดนี้เป็นจุดที่มีผู้อพยพเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีเจ้าหน้าที่จากอำเภอตามแนวชายแดนก็มาช่วยอำนวยความสะดวก
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นางกวม ซึ่งเป็นชาวบ้านในอำเภอพนมดงรักที่อยู่ห่างจากชายแดนไปไม่มากนักที่อพยพมาพร้อมกับญาติญาติตั้งแต่วันแรก ซึ่งตนได้ รีบเก็บของออกจากพื้นที่พร้อมกับหลานหลานนั่งรถเข้ามาในศูนย์อพยพแห่งนี้ ซึ่งที่สุดอพยพตนก็สะดวกสบายเพราะมีของครบทุกอย่างทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภคโดยตนก็ ไม่ได้มีห่วงบ้านหรืออย่างไรเพราะมีคนเฝ้าบ้านให้อยู่แล้ว
ตอบมาผู้ศึกษาได้ไปถามครูที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในอำเภอหนึ่งบริเวณชายแดน ซึ่งเกิดเหตุการประทะกันนั้นโชคดีที่เด็กยังเดินทางมาโรงเรียนไม่เยอะจึงทำให้สามารถ พาเด็กไปหลุมหลบภัยได้ทัน และมีการติดต่อผู้ปกครองให้มารับเด็กโดยด่วนตนอยู่จนเป็นคนสุดท้ายในโรงเรียนก่อนที่จะรีบกลับไปเพื่อขนของมาที่ศูนย์อพยพ ซึ่งเด็กที่โรงเรียนในอำเภอพนมดงรักจะมีการฝึกซ้อมเป็นประจำทุกเดือนเกี่ยวกับการป้องกันตัวเมื่อเกิดการสู้รบจึงทำให้มีภูมิคุ้มกัน ไม่กลัวเสียงปืนใหญ่หรือว่าเสียงระเบิดมากนัก และมีการเตรียมตัวว่าหากเกิดเหตุปะทะจะต้องไปลงในหลุมหลบภัยและทำตัวอย่างไร ซึ่งพอตนมาอยู่ที่ศูนย์อพยพก็ช่วยเด็กในด้านจิตใจและการเรียนการสอนบ้างบางส่วน
ด้านนางบัว ซึ่งเป็นนิติกรประจำ อำเภอพนมดงรัก เผยว่าวันที่เกิดเหตุตนเพิ่งจะเข้างานได้ไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงการยิงกันจึงรีบเดินทางกลับบ้านทันทีพร้อมกับพาญาติญาติไปที่ศูนย์อพยพและตนได้ เดินทางมาที่ศูนย์อพยพแห่งนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชนอำนวยความสะดวกในพื้นที่ ในด้านการแจกจ่ายสิ่งของและทำทะเบียน
โดยในศูนย์อพยพแห่งนี้มีโรงครัว ของ มูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า ซึ่งตั้งครัวทำอาหารแจกให้ประชาชนที่อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้รวมถึงมีหน่วยงานจัดหลายหลายจังหวัดเข้ามาช่วยเพราะเป็นจุดใหญ่ที่จะกระจาย ข้าวของเครื่องใช้ไปในจุดเล็กๆต่างๆได้
โดยในส่วนสุดท้ายผู้สื่อข่าวพบว่ามีนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ที่ช่วยดูแลผู้อพยพ ที่เป็นเด็ก โดยมีการวาดรูปให้กำลังใจทหารแนวหน้าที่ปกป้องชายแดนในจังหวัดสุรินทร์
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ในศูนย์อพยพใหญ่ศูนย์หนึ่งซึ่งอยู่ภายในอำเภอเมืองจังหวัดสุรินทร์ โดยได้มีการพูดคุยกับหน่วยแพทย์ในศูนย์อพยพนี้ ทราบว่าเป็นแพทย์ที่ย้ายมาจากอำเภอตามชายแดนเปลี่ยนมาทำงานที่ศูนย์นี้เนื่องจากเป็นพื้นที่เฝ้าระวังโดยมีการรองรับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยสูงอายุที่อยู่ภายในอำเภอตามแนวชายแดนมาที่จุดแพทย์ในศูนย์อพยพ ซึ่งเป็นจุดที่มีทีมแพทย์ครบครันและสามารถรักษาในอาการเบื้องต้นได้ โดยจะเป็นการประเมินอาการก่อนที่จะส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใหญ่หรือทำการรักษาในอีกตึกหนึ่ง
ซึ่งแพทย์ท่านหนึ่งที่ย้ายมาจากอำเภอ กาบเชิงซึ่งอยู่ในจุดที่ อันตรายจากการปะทะ เผยว่าเป็น ส่วนใหญ่มีแพทย์เพียงพอแต่จะขาดในข้าวของเครื่องใช้คือแพมเพิสสำหรับผู้สูงอายุ เพราะห้องน้ำในศูนย์อพยพมีจำกัดและค่อนข้างไกลจึงทำให้ผู้สูงอายุบางรายใช้ห้องน้ำจะต้องใช้แพมเพิสแทน