"บล.ไพน์ เวลท์" เก็งหุ้นไทยเด้งแตะ 1,350 จุด แนะกระจายพอร์ตรับมือความผันผวน จับตา "เกาหลี-จีน-เวียดนาม"
นายปิยะทัศน์ พาโสมนัสสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง นำโดยตลาดสหรัฐที่ได้แรงหนุนจากผลประกอบการแข็งแกร่งและโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของตลาดสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนสถาบันเริ่มกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคอื่น
บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังคือ มองหาตลาดที่มี Valuation น่าสนใจกว่า และมีแนวโน้มเติบโตดี โดยแบ่งพอร์ตการลงทุนตามระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุนออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
Conservative Portfolio: สำหรับผู้รับความเสี่ยงต่ำ เน้นควบคุมความผันผวน โดยมีสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้ 70%, หุ้น 25% และสินทรัพย์ทางเลือก 5%
Growth Portfolio: สำหรับผู้รับความเสี่ยงสูง เน้นสร้างผลตอบแทนสูง โดยมีสัดส่วนลงทุนในหุ้น 70%, ตราสารหนี้ 20% และสินทรัพย์ทางเลือก 10% ซึ่งมีการลงทุนใน หุ้นจีน, เกาหลีใต้ และเวียดนาม
Ultra-High Net Worth: สำหรับลูกค้าระดับสูง เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อลดความผันผวนของพอร์ต แต่ยังคงสามารถหา Alpha ของพอร์ตได้โดยไม่จำกัดแค่การลงทุนในหุ้น
*H2/68 ตลาดหุ้นจีน-เวียดนาม-เกาหลีใต้เด่น
นายปิยะทัศน์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่านักลงทุนสถาบันจะโยกย้ายเงินทุนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐไปยังตลาด Emerging อาทิ จีน ฮ่อง ไต้หวัน เน้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่อินเดียอาจเริ่มเห็นความเปราะบางของเศรษฐกิจ แต่ก็ยังถือว่าเป็นตลาดที่เติบโต แม้ว่าราคาไม่ถูกแล้ว แนะมีหุ้นอินเดียไว้ในพอร์ตบ้างและควรถือให้นานกว่า 1 ปี
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็ยังน่าสนใจหลังปัญหาการเมืองในประเทศคลี่คลาย และมองยังมี upside ราว 30% จากเป้าหมายที่รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งเป้าดัชนีไปถึง 4,500 จุดภายใน 5 ปี ซึ่งกลุ่ม ICT กลุ่มอุตสาหกรรมและไฟแนนซ์เป็น 3 กลุ่มหลักของตลาด หรือมีสัดส่วน 65%
ส่วนตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งยังเป็นตลาด Frontier Market ดูแล้วยังห่างไกลที่จะขึ้นเป็น Emerging Market อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเวีดยนามเติบโต 7% มาติดต่อหลายปี และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ตลาดหุ้นยังมี upside มากกว่า 10% แต่ก็ยังมีข้อเสียที่เงินด่องอ่อนตัวมาก ซึ่งเห็นว่าเงินด่องไม่น่าจะอ่อนค่าไปมากกว่านี้แล้ว
*หุ้นไทยรอทะลุ 1,300 จุดลุ้นเปลี่ยนขั้วการเมือง H2
นายปิยะทัศน์ กล่าวว่า ในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยฟื้นกลับมา เพราะนักลงทุนต่างชาติมีความหวังจากการเปลี่ยนขั้วการเมืองและจะมีการปรับการใช้จ่ายงบประมาณ และคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ Discount ลงมามาก Forward P/E 13-15 เท่า มากกว่า -1 SD จากที่เคยปรับตัวอยู่ ต่ำสด 1,054 จุด เกือบ -2SD แม้ว่า Growth ต่ำ
ช่วงครึ่งปีหลังปรับมุมมองตลาดหุ้นไทย จาก Neutral เป็น Slightly Overweight โดยให้เป้าหมายสิ้นปี 68 กรณี Best Case (เปลี่ยนขั้วการเมือง) ดัชนี SET จะอยู่ที่ 1,300-1,350 จุด
นายปิยะทัศน์ แนะนำการจัดพอร์ตในครึ่งปีหลัง ถือกองทุนหุ้นโลก 30-40% ซึ่งมีหุ้นสหรัฐอยู่เป็นส่วนใหญ่ ตราสารหนี้คุณภาพสูง 20% ตลาดหุ้นอินเดีย 10% เวียดนาม 5% จีน 5-10% เกาหลีใต้ 5% ไทย 5% และทองคำ 10% ซึ่งมองว่าราคามีโอกาสจะไปถึง 4,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO