พ่อแม่ทั่วโลกอยากมีลูกสาวมากขึ้น เกิดอะไรกับลูกชายในยุคสมัยนี้ ?
ถ้ากล่าวว่าความ Bias แรกสุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะพบเจอนั้นมีจุดเริ่มจากพ่อแม่ของเราเอง
คุณจะเชื่อหรือไม่ ?
เหมือนที่ในยุคสมัยหนึ่งที่ครอบครัวคนจีนจะนิยมและให้คุณค่าการมีลูกชายมากกว่าลูกสาว ไม่แน่ใจว่าในยุคสมัยนี้ค่านิยมนี้ยังคงอยู่หรือเปล่า เพราะนี่ก็เลยผ่านช่วงเวลายุคของเติ้งเสี่ยวผิงมานานเกือบ 5 ทศวรรษแล้วนะ (ค่านิยมนี้เป็นผลพวงที่สอดรับกับนโยบายลูกคนเดียวเพื่อลดจำนวนประชากรในประเทศจีน ในปี ค.ศ.1979)
“ยุคนี้แล้วเด็กที่กำลังจะเกิดคงไม่เจอ Bias จากการเลือกเพศของผู้ปกครองหรอก
นี่ปี 2025 แล้วนะ”
ผู้เขียนเองก็คิดแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าความเป็นจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะสวนทางกับความคิดของผู้เขียน และเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
จริง ๆ ถ้ามองข้ามประเทศจีน เด็กผู้ชายเป็นที่ถูกใจของพ่อแม่หลายคนทั่วโลกในหลากหลายวัฒนธรรม เด็กผู้ชายสืบต่อสกุลและความหวังของครอบครัวในหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย ทว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘ลูกชาย’ ดูจะเป็นที่ต้องการน้อยลงของหลาย ๆ ครอบครัวในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ประกอบการการเห็นสัญญาณบางอย่างในประเทศกลุ่มร่ำรวยที่ดูจะสนับสนุนบุตรที่เป็นเพศหญิงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้ลูกชายกำลังกลายเป็นภาระ ลูกสาวกำลังกลายเป็นพร
.
เมื่อพ่อแม่เลือกที่จะให้ลูกเพศไหนได้ลืมตาดูโลก
The Economist รายงานว่า โดยสถิติแล้ว อัตราการเกิดของเพศชาย:หญิง ของโลก จะอยู่ที่ 105:100 ตัวเลขดังกล่าวคาดเดาได้ว่าเป็นเพราะธรรมชาติตั้งใจให้ตัวเลขการเกิดของเพศชายมากกว่าเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องไปกับอัตราการเสียชีวิตของเพศชายที่มากกว่าเพศหญิง และเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งที่โลกมีเทคโนโลยีที่สามารถทำให้ทราบเพศของลูกได้ก่อนคลอด ความเศร้าก็เกิดขึ้นตามมาเมื่อหลายประเทศ หลายวัฒนธรรมทั่วโลกเริ่มมีการเลือกว่าจะให้เพศใด เกิดออกมา ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่คือเพศชายที่จะได้ลืมตาออกมาดูโลก
มีการประเมินว่าในปี ค.ศ.2000 มีเด็กชายเกิดใหม่มากกว่าที่ควรจะเป็นถึง 1.7 ล้านคน หรือถ้าเอาปีที่ใหม่ขึ้นมาหน่อย มีการประเมินว่าในปี ค.ศ.2015 ก็ยังมีเด็กผู้ชายเกิดใหม่มากกว่าที่ควรจะเป็นถึง 1 ล้านคน สถิตินี้อาจไม่ใช่ข้อมูลที่น่าชื่นชมนัก ทีนี้ลองดูที่สถิติรายประเทศ ขอยกตัวอย่างเกาหลีใต้
ที่เกาหลีใต้ หนึ่งในประเทศที่เลื่องชื่อด้านไม่ความไม่เท่าเทียมทางเพศมีสถิติดังนี้ ในปี 1990 สัดส่วนการเกิดของเพศชาย/หญิง อยู่ที่ 116/100 นี่คือในกรณีที่เป็นลูกคนแรก แต่ถ้าครอบครัวมีลูกอีกจนถึงการมีลูกคนที่ 3 สัดส่วนนี้จะอยู่ที่ 200/100 และถ้าจะมีลูกคนที่ 4 ของครอบครัว สัดส่วนนี้จะขยับเป็น 250/100 (ตัวเลขนี้สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ครอบครัวพยายามมีลูกคนต่อ ๆ ไปเพื่อจำเพาะเจาะจงให้เป็นเพศชาย) สัดส่วนนี้ไปเพิ่มจำนวนเด็กชายเกิดใหม่ให้มากกว่าที่ควรจะเป็นของโลก
จะเห็นได้ว่าโลกที่ผ่านมา เด็กผู้ชายเป็นที่โปรดปรานมากแค่ไหน แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึง เพราะในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าสถิติ ‘เด็กชายเกิดใหม่มากกว่าที่ควรจะเป็น’ จะลดเหลือเพียง 200,000 คน เท่านั้น เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าค่านิยมในตัวเด็กผู้ชายทั่วโลกกำลังจะค่อย ๆ หายไป สถานการณ์นี้ทำให้คุณแม่ที่เกาหลีใต้เบาใจลงมากขึ้น ผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า คุณแม่ชาวเกาหลีใต้ที่เคยคิดว่า #จำเป็น ต้องมีลูกชายมีจำนวนลดลง จากเดิมที่ 48% เคยคิดว่าจะต้องมีลูกชาย ตอนนี้ตัวเลขนี้เหลือเพียง 6%
แม้แต่ตอนนี้ที่จีน อินเดีย และญี่ปุ่น อัตราการเกิดของเพศชาย/หญิง ก็ค่อย ๆ ไต่ระดับลงมาจนอยู่ในจุดที่เริ่มจะใกล้เคียง, สอดคล้องกับอัตราส่วนของโลกมากขึ้น หรือถ้าเราข้ามฟากไปที่ประเทศแถบแคริเบียนจะพบว่าในบางประเทศเด็กเพศหญิงจะมีอัตราการเกิดสูงกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ (มีบางประเทศในหมู่เกาะแคริเบียนที่มีเพศหญิงเป็นหัวหน้าครอบครัว วัฒนธรรมตรงนี้ส่งต่อไปถึงค่านิยมการมีลูกของคนที่นั่นด้วย)
ความ Bias ต่อเพศของลูกก็เกิดขึ้นในประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกาเหมือนกัน มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.2008 ที่รวบรวมข้อมูลสำมะโนประชากรอเมริกันตั้งแต่ปี ค.ศ.1960-2000 ที่แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่อเมริกัน ชอบลูกชายมากกว่า แต่เมื่อเทรนด์โลกเปลี่ยน ความ Bias นี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะมีงานวิจัยฉบับหนึ่งที่ศึกษาสถานการณ์นี้อีกครั้งใน ค.ศ.2017 โดยนักเศรษฐศาสตร์ ที่ชี้ให้เห็นว่าตอนนี้คู่สามี-ภรรยา ชอบเด็กผู้หญิงมากกว่า
ประเทศอื่น ๆ ก็มีผลออกมาที่คล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะที่แถบสแกนดิเนเวีย, ฟินแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลิทัวเนีย เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกสอีกด้วย จนเกิดเป็นคำถามว่า
.
ทำไมตอนนี้ทั่วทั้งโลกดูจะหลงรักในตัวเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชายกันนะ ?
แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัด เป็นงานวิจัยตีพิพม์จนยอมรับไปทั่วโลก แต่ก็เคยมีคนพยายามหาคำตอบเช่นกัน ซึ่งสาเหตุเบื้องหลังก็มาจากหลายสาเหตุ เช่น ถ้าไปถามคุณพ่อจะได้คำตอบว่า ลูกผู้หญิงเลี้ยงง่ายกว่า มีความน่าสนใจมากกว่า มีความซับซ้อนมากกว่า หรือในบางประเทศผู้ปกครองก็ระบุว่าการมีลูกชายมีราคาที่ต้องจ่ายที่สูง เพราะเมื่อเด็กผู้ชายตัวน้อยคนนี้โตเป็นผู้ใหญ่ เขามักให้ผู้ปกครองช่วยออกเงินในการซื้อสิ่งของต่าง ๆ ให้ เช่น รถยนต์ คอนโด บ้าน (เพราะผู้ชายมองว่าตนจะต้องพร้อมเพื่อที่จะได้มีครอบครัว ความอยากพร้อมของเพศชายนี้เลยมาลำบากเงินพ่อแม่อีกที)
หรือแม้แต่เหตุผลด้านสังคมสูงวัย ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้พ่อแม่ทั่วโลกอยากมีลูกสาว พ่อแม่หลายคนต่างคาดหวังว่าเมื่อตนแก่ตัวลง “จะได้ให้ลูกสาวมาดูแล” ความคิดที่ฝังรากลึกนี้ไม่ได้เกิดแค่ที่ไทยแม้เราจะได้ยินบ่อย ๆ เพราะแม้แต่ในสังคมที่มีความเสมอภาคมากที่สุดอย่างประเทศเดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน บรรดากลุ่มประเทศที่ผู้หญิงมีบทบาทค่อนข้างมากทั้งในธุรกิจและการเมือง ประเทศเหล่านี้มีรายงานว่าถ้าคู่รักเลือกที่จะมีลูกได้อย่างน้อย 1 คน พวกเขาจะเลือกลูกสาว นักสังคมวิทยาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะลูกสาวมีแนวโน้มจะดูแลพ่อแม่ มากกว่าเพศชาย
อีกหนึ่งเหตุผลที่ลูกสาวเป็นตัวเลือกแรกในใจของพ่อแม่ เหตุผลนั้นเกิดจากปัญหาของเพศชายเองนั่นแหละ เพศชายมีแนวโน้มที่จะเกเรมากขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน The Economist ระบุว่าในบรรดากลุ่มประเทศร่ำรวย เด็กผู้ชายวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะเป็นทั้งผู้ก่ออาชญากรรมและตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมรุนแรงมากกว่าเพศหญิง มีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายมากกว่า
หรือถ้าเป็นเรื่องในรั้วโรงเรียน เด็กผู้ชายมักจะเรียนตามเด็กผู้หญิงไม่ทัน ถูกไล่ออกจากโรงเรียนในอัตราที่สูงกว่าผู้หญิง และมีแนวโน้มที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้น้อยกว่าผู้หญิง ดูเหมือนว่าลูกชายกำลังมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ค่อยดีมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อแม่สมัยนี้คงอยากมีลูกที่จะทำให้ตนได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจท่ามกลางโลกที่ตึงเครียด
เราทุกคนล้วนอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วย Bias และเราต่างหาเหตุผลเพื่อมาสนับสนุนความลำเอียงของตัวเราเองเสมอ แต่หนึ่งในเรื่องที่น่ายินดีของเรื่องนี้คือเด็กที่กำลังเกิดในยุคสมัยนี้เป็นไปตามอัตราส่วนของโลกมากขึ้น ตัวเลขเด็กหญิงที่ต้องได้ลืมตาดูโลกเป็นไปตามที่ควรจะเป็นมากขึ้น
.
ที่มา : The Economist