ททท.ตั้งเป้าขับเคลื่อนรายได้ท่องเที่ยวปี 2569 ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้าน เติบโต 7%
วันนี้(วันที่ 14 กรกฏาคม 2568) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2569 (Tourism Authority of Thailand Action Plan 2026 : TATAP 2026) วันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2568 กำหนดนโยบายและทิศทางการตลาด สำหรับใช้เป็นกรอบปฏิบัติงานในการเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มุ่งปรับสมดุลโครงสร้างตลาด เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวสู่มาตรฐานความยั่งยืน (Move toward Sustainability)
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การท่องเที่ยวไทยต้องก้าวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบริบททางการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเปลี่ยนจากการเน้นปริมาณมุ่งสู่คุณภาพ ด้วยการมุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง กลุ่มความสนใจพิเศษ อาทิ Health & Wellness การท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่ง สร้างสมดุลระหว่างตลาดในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงตลาดระยะใกล้และระยะไกล ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการท้องถิ่นผ่านการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว และเตรียมพร้อมรับมือวิกฤตในทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตระหนักและปรับตัวสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การประชุม TATAP 2026 ครั้งนี้ ททท.ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานในปี 2569 เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่คุณภาพ สร้างสมดุลและความยั่งยืน
ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์เฉพาะตัว ความปลอดภัย และความยั่งยืน โดยได้ทบทวนจุดยืนใหม่ โดยเฉพาะการปรับสมดุลตลาดให้ตอบโจทย์นโยบายเศรษฐกิจของประเทศ
“ในปีหน้า ททท.จะเน้นการขับเคลื่อนคุณภาพของนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มากกว่าการมุ่งเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว หรือ Value Over Volume โดยในปี 2569 ททท.ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 7 % จากปี 2568 โดยมองว่าจะไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท จากแนวโน้มรายได้การท่องเที่ยวในปี 2568 ที่คาดว่าอยู่ที่ 2.87 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทย 1.1 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.7 ล้านล้านบาท อาจต่ำกว่าเป้าที่เคยวางไว้เมื่อตอนต้นปีที่มองไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะใกล้เคียงกับปี 2567 คืออยู่ที่ราว 35 ล้านคน”
ผู้ว่าททท.กล่าวต่อว่า แม้ตลาดนักท่องเที่ยวจีน และตลาดนักท่องเที่ยวที่พูดภาษาจีน จะชลอตัวไปในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กำลังจะ Pick Up ขึ้น แต่เราก็จะหวังแต่น้ำบ่อหน้า อย่าง ตลาดนักท่องเที่ยวจีนแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เราก็มองการขับเคลื่อนตลาดที่มีศักยภาพที่มีการเติบโตสูง อย่าง ยุโรป ที่ในปีนี้ทะลุ 1 ล้านคน อย่าง สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน รวมถึงสหรัฐอเมริกา ที่มีเที่ยวบินเข้าไทยเพิ่มขึ้น 10 % ตลาดตะวันออกกลาง ก็เป็นหนึ่งตัวช่วยในการเพิ่มรายได้ ที่เติบโตถึง 18% ตลาดอาเซียน ออสเตรเลีย ที่ททท.จะเน้นไปเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวในตลาดเหล่านี้ทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมาบู้ธตลาดท่องเที่ยวตั้งแต่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็นแรงส่งการท่องเที่ยวในปีหน้า
“การท่องเที่ยวเหมือนโรลเลอร์ โคสเตอร์ ซึ่งอยู่ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ก็ยังต้องพึ่งพิงกับการท่องเที่ยวอยู่ ทำให้เราต้องเน้นการเพิ่มรายได้ เน้นคุณภาพเป็นสำคัญ โฟกัสการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ด้วยการเน้นคุณภาพมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว การทำตลาดโดยเน้นเจาะเซ็กเม้นท์ และต้องทำให้เร็ว เพื่อแข่งขันกับคู่แข่ง เน้นเรื่องความปลอดภัย และ SOFT POWER ไทย ในเสน่ห์ไทยทั้ง 77 จังหวัด”
ดังนั้นในปีหน้าททท. จะเน้นทำการตลาด โดยเน้นกระตุ้นการใช้จ่าย และวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น รวมถึงโฟกัสเซ็กเม้นท์ในการทำตลาด โดยจะเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มอินเซ็นทีฟ เวดดิ้ง เฮลธ์แอนด์เวลเนส การเน้นกลยุทธ แอร์ไลน์ส โฟกัส รวมถึงกระตุ้นไทยเที่ยวไทย เพื่อบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ในระยะสั้น และวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
ททท.จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดบนพื้นฐานข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึกของนักท่องเที่ยว และบูรณาการการทำงานแบบ 360 องศากับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยการดำเนินงานส่งเสริมตลาดต่างประเทศจะเน้นการ Relocation สร้างความสมดุลตลาดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แก้ปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่าในสายตานักท่องเที่ยว และการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยว รวมถึงเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อและใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ตลาดในประเทศจะมุ่งเพิ่มความถี่ในการเดินทางของคนไทยทั้งภายในภูมิภาคและข้ามภูมิภาคด้วยการจัดกิจกรรมและบิ๊กอีเวนต์ให้เกิดการเดินทางตลอดทั้งปี การใช้กลยุทธ์ City Marketing นำเสนอจุดขายใหม่ๆ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวเสน่ห์ไทย เพื่อส่งเสริมการเดินทางสู่เมืองน่าเที่ยว การสร้างสมดุลตลาดระหว่างนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติในพื้นที่เมืองหลักยอดนิยม ทั้งในเชิงพื้นที่และเวลา
ขณะเดียวกันจะพัฒนาสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อสนองตอบความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายทั้งระยะสั้นและยาว พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้เกิดการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการท่องเที่ยวสู่มาตรฐานยั่งยืนระดับสากล
รวมถึงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยว ททท. เชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้ยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญของประเทศในการสร้างเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน
ทั้งนี้ ททท. กำหนดให้มีการแถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยว ปี 2569 ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยในเวลา 9.00 น. - 17.00 น. จะมีการจัดกิจกรรม Market Briefing นำเสนอสถานการณ์ตลาดและแนวทางการส่งเสริมตลาดของททท. สำนักงานต่างประเทศในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก
การจัดกิจกรรม Tourism Clinic เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจได้พบปะหารือกับผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานต่างประเทศ เพื่อหาโอกาสในการทำตลาดศักยภาพ ปิดท้ายด้วยการแถลงทิศทางการดำเนินงานด้านการตลาด ททท. ปี 2569 แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชนในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว