มันไทยหวั่นจีนพลิกจากคู่ค้าเป็นคู่แข่ง
ชาวไร่มันคาดผลผลิตมันสำปะหลังปลายปีนี้ทะลัก 25-28 ล้านตัน หวั่นถูกกดราคาหนัก แถมเจอนำเข้าจากลาว แทนกัมพูชาที่มีปัญหาปิดด่าน เร่งรัฐช่วยเหลือ ขยายตลาดส่งออกแป้งมันไทย ทั้งอินเดีย-เกาหลีใต้ หวั่นลูกค้าหลักอย่างจีน พัฒนาพันธุ์เพิ่มผลผลิต หันมาส่งออกแข่ง
นายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังไทยฤดูกาลผลิต 2568/69 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 25-28 ล้านตันหัวมันสด โดยคาดว่าเกษตรกรจะเริ่มขุดมันในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่ผลผลิตหัวมันสดในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา สปป.ลาว ก็จะออกในช่วงใกล้เคียงกัน ดังนั้น ช่วงนี้ผลผลิตยังไม่มาก ไม่มีผลต่อแรงกดดันราคามันสำปะหลังมากนัก สำหรับราคามันสำปะหลัง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.50-2.70 ต่อกิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับเชื้อแป้งด้วย ส่วนต้นทุนการผลิตปัจจุบันยังสูงอยู่ ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยอยู่ที่ 2.9 ตัน
“ไทยยังมีการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เนื่องจากว่าความต้องการมันสำปะหลังภายในประเทศมีจำนวนมาก ขณะที่ผลผลิตไม่เพียงพอ และจากสถานการณ์การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่ผลผลิตออกน้อย แต่ต้องดูช่วงปลายปีว่าจะมีผลกระทบอย่างไร แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการอาจจะต้องหันไปนำเข้าจาก สปป.ลาวมากขึ้น หากสถานการณ์การปิดด่านชายแดนยังไม่คลี่คลาย”
ส่วนสถานการณ์ราคามันเส้นในต่างประเทศ เฉลี่ยอยู่ที่ 220-230 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาส่งออกยังเป็นไปในทิศทางที่ดี ยังสามารถส่งออกและแข่งขันได้ โดยเฉพาะในตลาดแป้งมันและเอทานอล ตลาดสำคัญยังเป็นตลาดจีน และหากยังไม่เจอปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบ เชื่อว่าการส่งออกมันสำปะหลังของไทยยังมีโอกาสเป็นไปได้
ขณะที่ความต้องการมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลใช้ในกลุ่มพลังงาน ต้องยอมรับว่า จากนโยบายด้านพลังงานปัจจุบันปรับจาก E20 เหลือ E10 ส่งผลทำให้ความต้องการมันสำปะหลังลดลง จากปกติหากใช้ E20 ความต้องการหัวมันสดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ล้านตันต่อปี แต่ปัจจุบันความต้องการหัวมันสดเฉลี่ยไม่เกิน 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะมีผลต่อปริมาณซัพพลายภายในประเทศ จึงเป็นปัจจัยที่จะต้องผลักดันการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น
นายรังษีกล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาด้านโรคใบด่างในมันสำปะหลัง ปัจจุบันพบว่ามีการกระจายพื้นที่การแพร่ระบาดไปกว่า 40 จังหวัด หรือคิดเป็น 77% ของพื้นที่ปลูก ซึ่งพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังมีประมาณ 55 จังหวัดทั่วประเทศ เกษตรกรมีการแก้ไข โดยใช้ท่อนพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค เช่น พันธุ์อิทธิ1 อิทธิ2 อิทธิ3 ที่มีการวิจัยขึ้นมา และได้มีการเพาะปลูกเพื่อกระจายให้กับเกษตรกร โดยดำเนินการปีนี้เป็นปีที่ 2 กระจายท่อนพันธุ์ไปแล้วกว่า 1 ล้านลำ อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ยังคงต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว
นายอำนาจ สุขประสงค์ผล นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลัง กล่าวระหว่างเวทีเสวนาพิเศษ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์การค้า และการลงทุนมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และความเห็นต่อผลการศึกษาของโครงการ” ว่า ผลผลิตมันสำปะหลังในปี 2568 คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 22 ล้านตันหัวมันสด และคิดเป็นมันเส้นประมาณ 3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7 ล้านตัน
โดยประเทศไทยส่งออกมันเส้นตลาดหลักยังคงเป็นตลาดจีน และถ้าไทยยังต้องการที่จะแข่งขันในพืชเกษตรได้ ไทยจำเป็นจะต้องแก้ไขตั้งแต่ต้นน้ำ ในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตต่อไร่ แก้ปัญหาของโรคใบด่าง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการปลูกพืชชนิดเดียวกัน
ด้านนายกิตติ สุขสมิทธิ์ เลขาธิการสมาคมแป้งมันสำปะหลัง กล่าวว่า การส่งออกแป้งมันของไทยยังถือว่าเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 เนื่องจากคุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่จากปัญหาของโรคใบด่างและต้นทุนการผลิตที่สูง เป็นสิ่งที่ต้องมีการปรับปรุงและลดต้นทุน พร้อมทั้งเพิ่มผลผลิต หาจุดเด่นของสินค้า เพราะอนาคตสินค้าแป้งมันไทยอาจจะทดแทนจากสินค้าเกษตรตัวอื่นได้ และการนำเข้าอาจจะไหลไปนำเข้าจากเวียดนามมากขึ้น นอกจากนี้พบว่าจีนมีการพัฒนาผลผลิตภายในประเทศ
โดยเฉพาะพืชเกษตรมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลต่อความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย
“อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า ราคามีปรับขึ้นลงบ้าง ขณะที่ความต้องการในต่างประเทศก็ยังมีความต้องการแป้งมันสำปะหลังในตลาดถึง 100 ล้านตัน แต่เราผลิตได้ 4-5 ล้านตัน โดยเห็นว่าหน่วยงานของภาครัฐ อาจจะต้องเร่งเจรจาเปิดตลาดการนำเข้าสินค้าแป้งมันของไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งตลาดอินเดียก็เป็นตลาดที่ยังน่าสนใจ หรือเกาหลีใต้ เป็นต้น”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มันไทยหวั่นจีนพลิกจากคู่ค้าเป็นคู่แข่ง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net