รายงานพิเศษ : TEGH พื้นฐานแน่น ติดอันดับ ฟอร์จูน เซาท์อีสต์ เอเชีย 500 บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG100
ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่บมจ.ไทยอีสเทิร์นกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (TEGH) ก็ยังมีความโดดเด่น สะท้อนจากที่ได้รับการจัดอันดับจาก 2 หน่วยงานชั้นนำ ได้แก่ ฟอร์จูน เซาท์อีสต์ เอเชีย 500 (Fortune Southeast Asia 500) ที่ให้เป็น 20 บริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดเมื่อวัดจากรายได้ และสถาบันไทยพัฒน์ ที่เลือกให้อยู่ในทำเนียบ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2568
ฟอร์จูน (Fortune) เปิดเผยผลการจัดอันดับ ฟอร์จูน เซาท์อีสต์ เอเชีย 500 (Fortune Southeast Asia 500) ประจำปี 2025 ซึ่งเป็นการจัดอันดับรายชื่อบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคประจำปีครั้งที่สอง โดยจัดตามรายได้ปีงบประมาณ 2024 การที่ฟอร์จูนให้ความสำคัญกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคนี้กำลังกลายเป็นกลไกการเติบโตที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วทันต่อเศรษฐกิจโลก โดยมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และดึงดูดกำลังการผลิตที่ย้ายมาจากจีนเนื่องจากอัตราภาษีที่สูงขึ้นและความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ
7 ประเทศที่อยู่ในรายชื่อ Southeast Asia 500 ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ยังคงติดรายชื่อในปี 2025 และยังคงมีบทบาทสูงต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยมีอินโดนีเซียเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน 109 บริษัทในรายชื่อ ตามมาด้วยประเทศไทย มี 100 บริษัท มาเลเซียมี 92 บริษัท แซงหน้าสิงคโปร์ที่มี 81 บริษัท ขณะที่เวียดนามมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 76 บริษัท ส่วนฟิลิปปินส์มี 40 บริษัท และกัมพูชามี 2 บริษัทในรายชื่อ
ประเทศไทยยังคงรักษาบทบาทในฐานะผู้ผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีบริษัทไทยติดอันดับถึง 100 บริษัท ขณะเดียวกันบริษัทไทยที่ติดอับดับไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มบริษัทชั้นนำเก่าแก่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย
โดย 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC), BCP, บมจ.ไทยอีสเทิร์นกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (TEGH) และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) ที่ติดอันดับ 20 บริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดเมื่อวัดจากรายได้ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ความต้องการทรัพยากร และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงด้านผู้นำองค์กรของภูมิภาค ด้วยจำนวนซีอีโอเพศหญิงและผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยขับเคลื่อนให้ภูมิทัศน์ของภาคธุรกิจมีความหลากหลาย และมีแนวคิดที่มองไปข้างหน้า
TEGH ยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" (ESG Emerging List) โดยอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2568 ที่จัดทำโดยสถาบันไทยพัฒน์ “นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์”กรรมการผู้จัดการ TEGH ระบุว่า นับเป็นปีแรกที่ TEGH ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน
ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสและต่อเนื่องสู่สาธารณะ โดย TEGH สามารถตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำด้านการผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบ อย่างยั่งยืน (Sustainable Raw Material) รวมถึงผลิตพลังงานทดแทน และรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจรในพื้นที่ EEC
"TEGH ดำเนินธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ Sustainability to Profitability โดยใช้โมเดล Thai Eastern Symbiosis ซึ่งสะท้อนถึงการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการเติบโตทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม เราพิสูจน์แล้วว่า "ความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือโอกาส" ในการสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ถูกผสานไว้ในทุกกระบวนการของเรา เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นางสาวสินีนุช กล่าว