“เดินทางทีไร ชิงหลับไปก่อนทุกที” ต้องทำยังไง ตั้งใจซึมซับความหมายระหว่างทาง แต่ความง่วงกลับจู่โจมให้คอพับโดยไม่รู้ตัว
เวลาได้ออกเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ กะว่าให้หัวใจกระชุ่มกระชวย นอกจากจุดหมายปลายทางแล้ว “ระหว่างทาง” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนไม่อยากพลาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ รถบัส รถไฟ เรือ หรือเครื่องบิน แต่ละเส้นทางต่างมี “บรรยากาศ” ระหว่างทางที่มีเสน่ห์ทั้งสิ้น
บนถนนหนทางที่มองเห็นบ้านเรือนและธรรมชาติสองฟากฝั่ง บนผืนน้ำที่สะท้อนแสงแดดและริ้วคลื่น ไปจนถึงบนท้องฟ้าที่ห้อมล้อมด้วยก้อนเมฆราวอยู่ในจินตนาการ
แต่สิ่งที่น่าพิศวงอย่างหนึ่ง คือบ่อยครั้งแม้ว่าตั้งใจจะ “ซึมซับ” บรรยากาศระหว่างทางเหล่านั้นอย่างเต็มเปี่ยม แต่ทันใดที่พาหนะเ ริ่มเคลื่อนที่ “ความง่วง” กลับเข้ามาจู่โจม จนผ่านไปเพียงไม่กี่นาที “คอ” ก็พับ “ตา” ก็ปิดลงเรียบร้อย
แท้จริงแล้วความง่วงระหว่างเดินทางนั้นมีคำอธิบาย ทั้งการที่ระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะในฐานะผู้โดยสาร เรามักไม่มีสิ่งกระตุ้น ไม่มีภารกิจหรือหน้าที่ต้องทำ สิ่งนี้จึงทำให้สมองเข้าสู่สภาวะ “พักผ่อน” โดยอัตโนมัติ ขณะที่ “แรงสั่นสะเทือน” แบบซ้ำๆ บนพาหนะแต่ละชนิด เช่น การสั่นของรถ ความราบเรียบของรถไฟ หรือการลอยตัวเบาๆ ของเครื่องบิน ก็ส่งผลต่อระบบสมดุลในหู (Vestibular System) ทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกำลังถูกกล่อมให้หลับ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการที่สมองไม่ต้องตื่นตัวนัก จึงลดระดับความระแวดระวังลง จนทำให้สมองถือโอกาสชาร์จแบต ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่อาจชวนให้หลับ และวงจรชีวภาพจากการพักผ่อนไม่เพียงพอก่อนเดินทาง
แต่ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ จากที่ตั้งใจจะชมวิว นั่งครุ่นคิดคนเดียวเพลินๆ หรือนั่งเป็นเพื่อนคุยกับคนข้างๆ กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับความง่วงจน “ป๊อก” ไปแบบไม่รู้ตัว แล้วจะทำยังไงดี ให้ต่อจากนี้ไม่ต้องเผลอหลับ เพื่อไม่พลาด “ระหว่างทาง” ที่มีความหมาย?
กระตุกสมองให้ต้องมีเรื่องคิด
อย่างที่กล่าวไปว่า เมื่อเดินทาง ในฐานะผู้โดยสารที่ไม่ต้องคอยดูทางหรือควบคุมทิศทาง สมองมักว่าง ไม่มีสิ่งให้ต้องคิด เมื่อไม่มีการใช้สมอง ก็มีแนวโน้มที่จะง่วงนอนได้ง่าย ดังนั้นก็ต้องแก้ที่สมอง! โดยการกระตุ้นให้สมองตื่นตัวสักหน่อย เช่น ฟังพอดแคสต์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจ อย่างเรื่องสืบสวน หรือประวัติศาสตร์ บางคนเป็นสายหนัง ก็สามารถดูหนังหรือซีรีส์ที่มีเนื้อหาตื่นเต้นไม่ชวนหลับได้ และหากเดินทางกับคนรู้จัก ให้ชิงคุยเล่นบ่อยๆ ก่อนที่ความง่วงจะโจมตี หรือจะแชตกับเพื่อนผ่านโซเชียลก็ช่วยได้เช่นกัน
เรามาสะบัดอวัยวะ
ในการเดินทาง เราจำเป็นต้อง “นั่ง” ยิ่งเมื่อต้องเดินทางไกลๆ การนั่งนานๆ ก็ทำให้เผลอหลับได้ เพราะร่างกายจะเชื่อมโยงการ “เอนหลัง” กับการพักผ่อน สิ่งที่ต้องทำ คือพยายามนั่งตัวตรง อย่าเอนเบาะเกินไป ถ้าเป็นคนหลับง่ายก็เลี่ยงการใช้หมอนรองคอ และรักษาท่าทางให้กระฉับกระเฉง เช่น ไหล่ตรง เท้าวางราบ ที่สำคัญ ให้ขยับสะบัดร่างกายบ่อยๆ เพราะการเคลื่อนไหวช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและลดอาการง่วงได้ หรือหากใครมีหมากฝรั่ง ลูกอมรสเปรี้ยว ก็เป็นเทคนิคการกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ตื่นตัวมากขึ้น เพื่อรักษาน้ำหนักของเปลือกตาไม่ให้ปิดลงมาง่ายเกินไป
เติมร่างกายให้พร้อมอย่างมีแบบแผน
ตัวช่วยสุดคลาสสิกหนึ่งที่สามารถเติมได้ระหว่างเดินทาง คือ คาเฟอีน อย่างเช่นกาแฟ หรือชาเขียว แต่ต้องใช้อย่าง “คนมีแผน” คือดื่มในปริมาณพอเหมาะ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะทำให้พลังงานตกภายหลัง ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก เพราะตามที่เขาว่า “หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” การย่อยอาหารมากๆ จะทำให้รู้สึกง่วง ดังนั้นให้เลี่ยงอาหารจำพวกแป้งหนัก แต่เลือกของว่างที่เบาและมีโปรตีนจะดีกว่า และอย่าลืมดื่มน้ำเป็นระยะให้เพียงพอเพื่อเลี่ยงภาวะขาดน้ำที่ทำให้ร่างอ่อนล้าด้วย
ลองควบคุมสภาพแวดล้อมรอบตัว
อย่างที่รู้ว่า “แสง” มีผลต่อนาฬิกาชีวิต ในการเดินทางที่เป็นช่วงกลางวัน การควบคุมแสงจึงช่วยให้ไม่ง่วงได้ เช่น แง้มม่านระหว่างเดินทางให้แสงธรรมชาติช่วยกดฮอร์โมนเมลาโทนินที่ควบคุมวงจรการนอนและตื่น หรือลองใช้หน้าจอมือถือในการกระตุ้นสายตาเป็นระยะ หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถใช้ “เสียง” ในการปลุกโสตประสาทได้ เช่น เปิดเพลงจังหวะเร็ว จะร็อก หรือหมอลำซิ่งก็ได้ เอาที่บีตมันๆ ไว้ก่อน อย่าเผลอเปิดบีโธเฟ่นเชียว เพราะแป๊บเดียวคงจะได้ไปฝันถึงเค้าแน่นอน
ก่อนเดินทางเป็นเรื่องสำคัญ
บางคนไม่อยากง่วงนอนระหว่างเดินทาง แต่พลาดในการเตรียมตัวก่อนเดินทางให้ดี เช่น นอนไม่พอ เมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาเดินทาง ร่างกายจะหาโอกาสเข้าเฝ้าพระอินทร์ทันที พยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงก่อนวันเดินทาง และอย่ามั่นใจเกินไปว่าไม่จำเป็นต้องนอนเยอะ เพราะฉันสามารถ “เบิกตา” ได้ตลอดการเดินทาง เพราะร่างกายภายในอาจไม่ได้คิดเช่นนั้น อีกอย่างคือก่อนเดินทาง ลองทบทวนเป้าหมายให้ชัดว่า ทำไมเราถึงออกเดินทางในครั้งนี้ เมื่อรู้ชัด ก็จะมีแรงจูงใจมากขึ้น เนื่องจากการมีเป้าหมายในใจช่วยให้ต้านความง่วงได้ดีขึ้นมาก
เหล่านี้เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ไม่อยากพลาดรายละเอียดระหว่างเดินทางไปกับการหลับ แต่อยากซึมซับบรรยากาศระหว่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นวิวข้างทาง เพื่อนร่วมทาง หรือในความคิดของตนเอง
แต่ก็เอาเถอะ ขึ้นชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยว ความรู้สึก “อิสระ” น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า หากมันผ่อนคลายจนอยากผล็อยหลับ ก็อย่าฝืนธรรมชาติเปลือกตา แต่จงปล่อยให้มันเคลื่อนลงตามแรงโน้มถ่วงไปเถิด