บิ๊กเทคจีน หนุน “แบงก์ชาติจีน” อนุญาตออก Stablecoin ผูกหยวน สกัดอิทธิพลเหรียญดิจิทัลดอลลาร์
บิ๊กเทคจีน หนุน "แบงก์ชาติจีน" อนุญาตออก Stablecoin ผูกหยวน สกัดอิทธิพลเหรียญดิจิทัลดอลลาร์ ขณะที่ผู้ส่งออกจีนหันใช้ USDT ชำระเงินพุ่ง 5 เท่า ตั้งแต่ปี 2564
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.05 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่าสองยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของจีน JD.com และ Ant Group (บริษัทในเครือของ Alibaba) กำลังผลักดันให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) อนุญาตให้มีการออก stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวน เพื่อตอบโต้การเติบโตของ stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในระบบการเงินดิจิทัลระดับโลก
ทั้งสองบริษัทเสนอให้จีนอนุญาตการออก stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวนในตลาดนอกประเทศ โดยเริ่มต้นที่ฮ่องกง เพื่อส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับสากล และป้องกันไม่ให้ stablecoin ที่อ้างอิงดอลลาร์มีอิทธิพลเหนือกว่ามากเกินไป
ข้อเสนอของ JD.com และ Ant เกิดขึ้นในช่วงที่ฮ่องกงและสหรัฐกำลังเร่งแข่งขันกันวางกรอบกำกับดูแล stablecoin หวังยึดบทบาทศูนย์กลางการเงินดิจิทัลและการค้าระดับโลก หากข้อเสนอประสบความสำเร็จ จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งสำคัญของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคย สั่งแบนคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดในปี 2564 และอาจเป็นก้าวใหม่ของจีนในการผลักดันเงินหยวนสู่เวทีโลก
โดย Stablecoin คือเหรียญดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ทองคำ หรือสกุลเงินอื่น ๆ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ช่วยให้สามารถโอนเงินข้ามพรมแดนได้แบบทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยต้นทุนต่ำ ซึ่งมีศักยภาพสูงที่จะรบกวนระบบการชำระเงินข้ามประเทศแบบดั้งเดิม
ทั้ง JD.com และ Ant วางแผนออก stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์ฮ่องกงอยู่แล้ว หลังจากกฎหมายใหม่ของฮ่องกงมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568
แต่ในการหารือแบบปิดกับ PBOC ฝั่ง JD.com ชี้ว่าจำเป็นเร่งด่วนที่จีนต้องมี stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวนนอกประเทศ เพื่อผลักดันการใช้เงินหยวนในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมรายอื่นเห็นด้วยเช่นกัน
“การขยายตัวของ stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์ กำลังเป็นความท้าทายใหม่ต่อความพยายามของจีนในการผลักดันเงินหยวนสู่ระดับโลก”
หวัง หย่งลี่ อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) และประธานร่วมของ Digital China Information Service Group กล่าวบนโซเชียลมีเดียของตนเมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมเตือนว่าหากระบบชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยเงินหยวนไม่มีประสิทธิภาพเท่า stablecoin ดอลลาร์ จะเป็นความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ของจีน
ดอลลาร์ยังครองตลาด
ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่าตลาด stablecoin ทั่วโลกยังมีขนาดเล็ก อยู่ที่ประมาณ 247,000 ล้านดอลลาร์ แต่ธนาคาร Standard Chartered คาดการณ์ว่าจะเติบโตแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 มากกว่า 99% ของ stablecoin ในตลาดปัจจุบันเป็นเหรียญที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS)
แม้จีนจะต้องการผลักดันเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศเทียบเท่ายูโรหรือดอลลาร์ สะท้อนบทบาทเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก แต่ข้อจำกัดสำคัญคือ จีนยังคงเข้มงวดกับการควบคุมเงินทุนอย่างมาก
ปัจจุบัน สัดส่วนการใช้เงินหยวนในระบบชำระเงินระหว่างประเทศลดลงเหลือ 2.89% ในเดือนพฤษภาคม ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่ดอลลาร์ยังครองส่วนแบ่งสูงถึง 48.46% ตามข้อมูลของ SWIFT
เซี่ยว เฟิง ประธานบริษัท HashKey ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโตในฮ่องกง กล่าวว่า “จีนถึงจุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ต้องลงมือดำเนินการ”
เขาเผยว่าผู้ส่งออกจีนจำนวนมากหันไปใช้ stablecoin ดอลลาร์ในการชำระเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ USDT (Tether) ซึ่งเป็น stablecoin ที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ผู้ส่งออกบางรายให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่าข้อจำกัดด้านเงินทุนในประเทศ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ต้องหันมาใช้ stablecoin
Crypto HK ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต OTC ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ระบุว่าปริมาณการซื้อขาย USDT ของลูกค้าจีนเพื่อวัตถุประสงค์การชำระค่าสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตั้งแต่ปี 2564
ทิศทางหลีกเลี่ยงไม่ได้?
สหรัฐเองมีท่าทีเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในเรื่อง stablecoin เมื่อทรัมป์ประกาศสนับสนุน stablecoin ไม่นานหลังเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม พร้อมเร่งวางกรอบกำกับดูแลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เหรียญที่ผูกกับดอลลาร์
แม้ในจีนยังคงแบนคริปโตอยู่ แต่ผู้กำหนดนโยบายเริ่มสนใจ stablecoin มากขึ้น
ผู้ว่าการ PBOC พาน กงเซิง กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลและ stablecoin สร้างความท้าทายใหญ่ต่อระบบกำกับดูแลการเงิน ขณะที่ที่ปรึกษา PBOC หวง อี้ผิง ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่าสกุลเงิน stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวนนอกประเทศ โดยเฉพาะในฮ่องกง“เป็นไปได้”
แหล่งข่าวเผยว่า Ant เตรียมยื่นขอใบอนุญาต stablecoin ในฮ่องกงและสิงคโปร์ และอยู่ระหว่างเตรียมออก stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวนนอกประเทศ
ด้านริชาร์ด หลิว ประธาน JD.com ก็เปิดเผยแผนยื่นขอใบอนุญาต stablecoin ในประเทศเศรษฐกิจหลักทั่วโลก เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราและการชำระเงินข้ามประเทศ
JD.com ยังโต้แย้งกับ PBOC ว่าการออก stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์ฮ่องกงไม่ช่วยส่งเสริมเงินหยวน เพราะค่าเงินฮ่องกงเองก็ผูกกับดอลลาร์สหรัฐอยู่แล้ว จึงเสนอให้เริ่มออก stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวนในฮ่องกงก่อน แล้วค่อยขยายโครงการนำร่องไปยังเขตการค้าเสรีของจีนในต่างประเทศ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้รับสัญญาณเชิงบวกจากหน่วยงานกำกับดูแล
อ้างอิง :reuters.com