เจ้าพ่อกระทิงแดง "เฉลิม อยู่วิทยา" แชมป์มหาเศรษฐีไทย 2025 ทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้าน
ในปี 2025 ที่เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ตลาดหุ้นไทยร่วงกว่า -20.32% ลดลง 284.52 จุด นับจากช่วงต้นปีถึงวันที่ 2 ก.ค.2568 และหากมองย้อนหลังช่วง 3 ปี ตั้งแต่ 4 ก.ค.2565 ถึง 2 ก.ค.2568 ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 456.98 จุด คิดเป็น -29.06%
โดย "นิตยสาร Forbes" เผยข้อมูลที่น่าทึ่งเกี่ยวกับความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีไทยที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าทรัพย์สินโดดเด่น ทั้ง เจ้าพ่อธุรกิจเครื่องดื่ม อาหาร พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ไปจนถึงศูนย์การค้า โรงแรม ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง เป็นต้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
สะท้อนกลยุทธ์การลงทุนที่ชาญฉลาด และการขยายธุรกิจสู่อนาคตของกลุ่มเศรษฐีไทย
เชื่อหรือไม่ว่า 50 อันดับมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2025 มีความมั่งคั่งรวมเพิ่มขึ้น 11% พร้อมอวดทรัพย์สินรวมสูงถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.78 ล้านล้านบาท
10 อันดับมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2025 ที่น่าสนใจ ดังนี้คือ
- มูลค่าทรัพย์สิน: 4.45 หมื่นล้านเหรียญ (1.44 ล้านล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: อาหารและเครื่องดื่ม
- "เฉลิม อยู่วิทยา" เจ้าของร่วมของ Red Bull เครื่องดื่มชูกำลังที่มีการจำหน่ายกว่า 1.3 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลกในปี 2024 ครอบครัวอยู่วิทยาถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท โดยมีการต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้ากับ Red Bull China ที่สามารถชนะได้ในปี 2020
- มูลค่าทรัพย์สิน: 3.57 หมื่นล้านเหรียญ (1.16 ล้านล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: อาหารและเครื่องดื่ม
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์และปศุสัตว์รายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขยายธุรกิจไปยังโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยร่วมลงทุน 1 พันล้านเหรียญกับ BlackRock เพื่อตั้งศูนย์ข้อมูล พร้อมทั้งเปิดตัวธนาคารดิจิทัล
- มูลค่าทรัพย์สิน: 1.2 หมื่นล้านเหรียญ (3.9 แสนล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: พลังงาน
- การควบรวมกิจการระหว่าง Gulf Energy Development กับ InTouch Holdings สร้าง Gulf Development ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มีการลงทุนหลากหลาย รวมทั้งการขยายธุรกิจไปสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการลงทุนในธนาคารกสิกรไทย
"เจริญ สิริวัฒนภักดี และครอบครัว"
- มูลค่าทรัพย์สิน: 1.05 หมื่นล้านเหรียญ (3.41 แสนล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: อาหารและเครื่องดื่ม
- "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ผู้บริหารไทยเบฟเวอเรจ ขยายธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในปีนี้ได้โอนหุ้นในบริษัทสำคัญต่างๆ ให้แก่ลูกทั้ง 5 คน
- มูลค่าทรัพย์สิน: 8.6 พันล้านเหรียญ (2.79 แสนล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: ค้าปลีก, อสังหาริมทรัพย์, โรงแรม
- กลุ่ม Central Group ของครอบครัวจิราธิวัฒน์ ผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขยายธุรกิจไปยังยุโรป และล่าสุดได้เข้าซื้อกิจการห้าง KaDeWe ในเยอรมนี และเพิ่มการถือหุ้นใน Selfridges
"ครอบครัว ไชยวรรณ"
- มูลค่าทรัพย์สิน: 4.2 พันล้านเหรียญ (1.36 แสนล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: การเงินและการลงทุน
- ครอบครัวไชยวรรณเป็นเจ้าของไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย พร้อมทั้งลงทุนในธนาคารไทยเครดิต
"อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว"
- มูลค่าทรัพย์สิน: 3.5 พันล้านเหรียญ (1.14 แสนล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: แฟชั่นและค้าปลีก
- "อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา" บุตรชายของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" ผู้ก่อตั้งคิงเพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ พร้อมขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และมีที่ดินในโครงการมหานคร
"ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ"
- มูลค่าทรัพย์สิน: 3.4 พันล้านเหรียญ (1.10 แสนล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: Healthcare
- ผู้ก่อตั้ง BDMS และเจ้าของบางกอกแอร์เวย์ส รวมถึงโรงพยาบาลในเครือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- มูลค่าทรัพย์สิน: 2.6 พันล้านเหรียญ (8.44 หมื่นล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: อาหารและเครื่องดื่ม
- ผู้ร่วมก่อตั้ง "คาราบาวกรุ๊ป" ซึ่งขยายธุรกิจทั้งในเครื่องดื่มชูกำลังและเบียร์ พร้อมร่วมทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และขยายไปสู่ตลาดอื่นๆ
"พรเทพ พรประภา และครอบครัว"
- มูลค่าทรัพย์สิน: 2.2 พันล้านเหรียญ (7.14 หมื่นล้านบาท)
- แหล่งความมั่งคั่ง: ยานยนต์
- ผู้บริหารสยามกลการ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Nissan และยังลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น โลจิสติกส์ อะไหล่ และโรงแรม
การจัดอันดับมหาเศรษฐีไทยปี 2025 ของ Forbes สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจไทย แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตต่ำกว่าคาด แต่กลุ่มเศรษฐีกลับเดินเกมธุรกิจได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะกระจายการลงทุนไปใน ดิจิทัล อินฟราสตรักเจอร์, พลังงานสะอาด และอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก
แนวโน้มการสร้างความมั่งคั่งในอนาคตของไทยจึงไม่ได้อยู่แค่ในประเทศ แต่ติดระดับสากล มหาเศรษฐีไทยถือเป็นตัวอย่างของการปรับตัวและรุกคืบไปยังตลาดโลก ท่ามกลางความท้าทายที่ยังไม่สิ้นสุดในปี 2025.