ฟอร์ดชี้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน ยอด xEV พุ่งเล็ง ‘เซ็กเมนต์’ ใหม่เสิร์ฟลูกค้า
ฟอร์ดมีลุ้นเปิดตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ หลังพบลูกค้ามีความหลากหลายขึ้น ชี้รถปิกอัพโดนเบียดส่วนแบ่งตลาดร่วงเหลือแค่ 24% ส่วนปีนี้มั่นใจยอดขายใกล้เคียงปีก่อน ทำได้ราว 2.1 หมื่นคัน ครึ่งปีหลังเร่งสปีดงานหลังการขาย
นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมตลาดรถยนต์ 5 เดือนแรก มียอดขายประมาณ 300,000 คัน ลดลง 1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรถปิกอัพ 140,000 คัน ลดลง 18% และฟอร์ดมียอดขายที่ 9,401 คัน รถปิกอัพเรนเจอร์ มีส่วนแบ่งที่ 7.7% และฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่ง 18%
ทั้งนี้ จะเห็นว่าสัดส่วนการขายรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดรถ xEV (รถยนต์ไฟฟ้า, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด, ไฮบริด) มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น จาก 31% เป็น 41% ขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มีส่วนแบ่งลดลงเหลือ 59%
ทั้งนี้พบว่าตลาดที่ชะลอตัวตามสภาพเศรษฐกิจ และรถปิกอัพได้รับผลกระทบมากสุด และต้องยอมรับว่ากำลังซื้อหลักของลูกค้าในกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวจากภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดเชื่อว่าทั้งปี ยอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ระดับ 570,000 คัน หากช่วงเวลาที่เหลือยอดขายรถยนต์สามารถทำได้ในระดับ 45,000-50,000 คันต่อเดือน ส่วนฟอร์ดจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 20,800-21,000 คัน
“ช่วงเวลาที่เหลือ หากเราสามารถขายเรนเจอร์และแร็พเตอร์ได้เดือนละ 800-900 คัน ส่วนเอเวอเรสต์ขายได้เดือนละ 750 คัน เป้าหมายที่เราวางไว้ก็ไม่ได้เกินความสามารถแต่อย่างใด”
อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน มาตรการความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน สภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองที่ผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคโดยตรง
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีมาตรกระตุ้นตลาด ผ่านโครงการ บสย.กระบะพี่มีคลังค้ำ ภายในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ปรากฏว่าขณะนี้การเบิกจ่ายเพื่อใช้ไปเพียงแค่ 320 ล้านบาทเท่านั้น ฟอร์ดเชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกระยะ เนื่องจากการคุมเข้มของสถาบันการเงินยังเข้มงวด ทำให้ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าตลาดปิกอัพจะสามารถฟื้นตัว และหวังว่ารัฐบาลจะเร่งปรับแก้เงื่อนไขให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการ ขณะที่นโยบาย “รถเก่า แลกรถใหม่” คาดว่าน่าจะช่วยส่งผลดี แต่ตรงนี้ยังต้องติดตาม
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจแม้ว่าปัจจุบันฟอร์ดมีสินค้าในตลาดแค่ 2 เซ็กเมนต์ คือ ปิกอัพ และรถพีพีวี แต่การแข่งขันในตลาดมีความท้าทาย ทั้งมีความหลากหลายของเซ็กเมนต์มากขึ้น ฟอร์ดยังมั่นใจว่ามีสินค้า และบริการที่แข็งแรง และไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดราคาจำหน่ายแต่อย่างใด
ส่วนอนาคต บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะรถอีวีที่จะเห็นว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนการขายเปลี่ยนารถปิกอัพ เดิมมีสัดส่วนการขายสูงถึง 45% ของตลาดรถยนต์ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 24% ส่วนรถบีและซี-เอสยูวี มีส่วนแบ่ง 20% รถพีพีวี 7% รถบีคาร์ 20% รถยนต์นั่ง 7%
อีกทั้งการเติบโตของตลาดรถยนต์บีและซี เอสยูวี ที่เป็นกลุ่มระดับราคา 700,000-1,200,000 บาท มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ฟอร์ดอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการแนะนำรถเซ็กเมนต์ใหม่ ที่มีความหลากหลายออกสู่ตลาดประเทศไทยหรือไม่ อย่างรถ xEV ฟอร์ดมีเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน
นายรัฐการเชื่อว่าตลาดรถยนต์น่าฟื้นตัวและกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ โดยจะต้องใช้ระยะเวลาอีก 2 ปี อุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะกลับมามีการเติบโตที่ระดับ 10% ได้ โดยในปี 2569 จะมียอดขายกลับไปที่ระดับ 630,000 คัน และมียอดขายกลับไปอยู่ที่ระดับ 700,000 คันในปี 2570
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ฟอร์ดชี้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน ยอด xEV พุ่งเล็ง ‘เซ็กเมนต์’ ใหม่เสิร์ฟลูกค้า
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net