โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยแลกอะไรบ้าง ถึงได้ดีลภาษี 19% ล้วงเบื้องลึกจาก ‘พิชัย ชุณหวชิร’ แม่ทัพทีมไทยแลนด์

THE STANDARD

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
ไทยแลกอะไรบ้าง ถึงได้ดีลภาษี 19% ล้วงเบื้องลึกจาก ‘พิชัย ชุณหวชิร’ แม่ทัพทีมไทยแลนด์

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าเจรจาของทีมไทยแลนด์ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียด รวมไปถึงเบื้องลึก และเบื้องหลัง ดีลภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่ไทยได้อัตรา 19%

ไทยยอมเปิดตลาด (Market Access) เท่าไร?

พิชัยยืนยันว่า ไทยไม่ได้เปิดตลาดให้สหรัฐฯ ทุกรายการ หรือที่เรียกว่า ‘Total Access’ และสำหรับการลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ สู่ระดับ 0% จะพิจารณาจากรายการสินค้าที่ไทย ‘มีความพร้อม’ และเคยให้ 0% ในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เช่น จีน และออสเตรเลีย

โดยรมว.คลังยังยืนยันว่า การพิจารณาเปิดตลาดรอบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนไทย เพราะจะทำให้ราคาสินค้าถูกลง

“การยึดหลักนี้ (ลดภาษีนำเข้าให้เหลือ 0% ตามรายการสินค้าที่ไทยเคยทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นๆ) อาจทำให้บางประเทศเหล่านี้จะลำบาก เพราะจะมีสินค้าสหรัฐฯ เข้ามาแข่งขัน แต่ประชาชนไทยจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าที่ถูกลง”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พิชัยเคยให้สัมภาษณ์ว่า ไทยได้พยายามทำข้อเสนอ (Proposal) ให้โดยเตรียมจะเปิดตลาดให้สหรัฐฯ พร้อมเสนอยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เข้าประเทศไทย และอัตราภาษีใกล้ๆ 0% คิดเป็นระดับเกือบ 90% ของมูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯ ส่งมาไทย กระนั้นในวันนี้ พิชัยไม่ได้ยืนยันตัวเลขดังกล่าว

เปิด 3 หลักเกณฑ์พิจารณาเปิดตลาด (Market Access) ของทีมไทยแลนด์

เช้าวันนี้ (1 สิงหาคม) พิชัยยังเปิดในรายการ ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอ’ โดยระบุว่า ไทยมีการแบ่งกลุ่มสินค้าที่จะเปิดตลาดเป็น 4 ประเภท ดังนี้

1. สินค้าที่ไทยผลิตไม่ได้: ซึ่งไม่เป็นปัญหาหรือกระทบต่อผู้ประกอบการในไทย จึงสามารถเปิดตลาดได้เต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น เชอร์รี ซึ่งส่วนนี้ไทยมีการนำเข้าจากออสเตรเลีย และจีนก่อนแล้ว

2. สินค้าที่ไม่มากพอต่อความต้องการในประเทศ: เช่น ข้าวโพด หรือถั่วเหลือง สินค้ากลุ่มนี้จะมีการกำหนดโควตานำเข้า หรืออาจขอเวลาเปลี่ยนผ่าน 3-5 ปี และอาจกำหนดให้มีการรับซื้อสินค้าจากผู้ผลิตไทยก่อน แล้วจัดสรรการรับซื้อจากต่างประเทศ โดยพิชัยชี้ว่า ไทยจะสามารถเพิ่มความเข้มงวดในการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา เมียนมา ลาวได้ โดยอาจประกาศไม่รับซื้อสินค้าเกษตรที่มีการเผาในขั้นตอนเกษตรกรรม ซึ่งส่วนนี้จะช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 ได้อีกต่อ

3. สินค้าที่สหรัฐฯ ผลิตไม่ได้/แข่งขันกับไทยไม่ได้: เช่น ลำไย ซึ่งสหรัฐฯ ไม่มีการเพาะปลูกอยู่แล้ว กับปลานิล ที่แม้สหรัฐฯ จะผลิตได้บ้าง แต่ขีดความสามารถในการแข่งขันก็ยังด้อยกว่าไทย รวมถึงต้นทุนในการส่งออกข้ามทวีปจะยิ่งทำให้ปลานิลสหรัฐฯ มีต้นทุนสูงเกินจำเป็น

เปิดรายการสินค้าที่ทีมไทยแลนด์ ‘ปกป้อง’

อย่างไรก็ตาม พิชัย ยืนยันว่า สินค้าที่ไทยผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ “จะไม่มีการเปิดตลาดให้ หรือถ้าหากเปิดก็เป็นสัดส่วนที่น้อยมากในอัตราไม่เกิน 1%” เช่น เนื้อหมู และเครื่องในหมู

“สำหรับการนำเข้าเนื้อหมู จะเปิดโควตาให้น้อยมากไม่ถึง 1% ของการบริโภคในประเทศ เพื่อให้สหรัฐทดลองตลาดเท่านั้น และมีกฎระเบียบที่เข้มงวด เช่น ต้องมีการตรวจสอบโรงงานและสารเร่งเนื้อแดง เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาในประเทศ ขณะที่ถั่วเหลือง และข้าวโพด อาจมีการนำเข้าประมาณ 1-2 ล้านตัน” พิชัยกล่าว

เล็งควบคุมสินค้าที่มี Local Content ต่ำ เลี่ยงอัตรา Transshipment 40%

สำหรับประเด็นเรื่องปัญหาสินค้าผ่านทาง (Transshipment) ที่สหรัฐฯ ประกาศว่า ประเทศที่ถูกจับได้ว่าปลอมแปลงแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อเลี่ยงภาษี จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมในอัตราสูงถึง 40%

พิชัยยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังไม่มีการลงรายละเอียดว่า จะต้องกำหนด Local Content ในสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งพิชัยคาดว่าไม่น่าต่ำกว่า 40%

นอกจากนี้ พิชัยยังยืนยันว่า สินค้าที่ทะลักเข้ามาในประเทศไทย หากเป็นสินค้าราคาถูกแต่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นสินค้าที่มี Local Content ต่ำ จะเป็นประเด็นที่ไทย ‘ต้องควบคุมดูแลอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีภาษีทรัมป์มากดดัน’ ก็ตาม

เปิดรายการสินค้าที่ไทยต้องซื้อจากสหรัฐฯ เพิ่ม: LNG 1 ล้านตัน เครื่องบิน 90 ลำ

ภายใต้ดีลครั้งนี้ พิชัยกล่าวว่า ไทยได้ทำสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ฉบับแรกไว้ที่จำนวน 1 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบัน ไทยนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวอยู่ที่ 15 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 50% ของปริมาณทั้งหมดในประเทศ รวมถึงการซื้อเครื่องบินโบอิ้ง พิชัยกล่าวว่า จะมีการทยอยนำเข้าเครื่องบินราว 80-90 ลำ ตลอด 10 ปีข้างหน้า

ส่วนน้ำมันยังไม่มีการตกลงใดๆ กับทางสหรัฐฯ ซึ่งพิชัยกล่าวว่า อาจพิจารณาเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐฯ ให้ได้สัดส่วน 10% ของการนำเข้าทั้งหมด

“เป็นโอกาสดีที่สหรัฐฯ และไทยต่างมีความต้องการร่วมกันสำหรับสินค้าใน 2 ประเภท ได้แก่ พลังงานและเครื่องบิน” พิชัยกล่าว

ไทยยังไม่ต้องลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ

สำหรับข้อเสนอเพิ่มการลงทุนไปสหรัฐฯ พิชัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการเกิดขึ้น แต่ไทยก็พร้อมที่จะเพิ่มการลงทุนในโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรที่สหรัฐฯ มากขึ้น

“หากมีข้อเสนอตามมาภายหลัง ซึ่งแม้อาจมีมูลค่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่ก็เป็นตัวเลขที่มากพอ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจในประเทศ” พิชัยกล่าว

NTBs ต้องแก้ แม้ไม่มีภาษีทรัมป์

สำหรับอุปสรรคกีดกันการค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barrier) หรือ NTBs ที่ได้หารือลงละเอียดกับทางสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขกฎระเบียบตามที่สหรัฐฯ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเอกสาร หรือขั้นตอนรับรองมาตรฐานสินค้าที่ล่าช้า

พิชัยกล่าวว่าเป็นโอกาสดีสำหรับไทย เพราะเป็นปัญหาที่ไทยต้องเร่งแก้ไขอยู่แล้วเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ต่อให้ไม่มีการกดดันจากสหรัฐฯ ก็ตาม โดยอาจยกระดับเพิ่มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ สะดวกมากขึ้น

ทั้งนี้ พิชัยย้ำว่าไม่มีประเด็นด้านความมั่นคง และการให้สัมปทานแก่สหรัฐฯ ในขั้นตอนการเจรจาการค้า

ย้ำ 19% ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันได้

โดยพิชัยยังระบุว่า การประกาศ Tariff rate ที่ 19% สะท้อนถึงมิตรภาพและความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย–สหรัฐฯ ช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเปิดประตูสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รายได้ และโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย

“อัตรานี้ถือว่าใกล้เคียงกับที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้รับ ทำให้การแข่งขันยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิมทำให้ไม่มีประเทศใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญ ทุกประเทศก็ต้องทำงานหนักกันเต็มที่เพื่อรักษาความได้เปรียบเสียเปรียบไม่ให้ต่างกันมาก และกลับไปแข่งขันกันในด้านอื่นๆ“

เร่งศึกษาผลกระทบ เตรียมมาตรการเยียวยา แต่ยังไม่เปิดเผยงบ

พิชัยกล่าวอีกด้วยว่า ขณะนี้ ภาครัฐเตรียมมาตรการเยียวยารองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภาษีที่ไม่แน่นอน จนมีการชะลอการลงทุน ชะลอการผลิตและส่งออกเป็นเวลา 2 เดือน โดยภาครัฐจะแบ่งระดับความช่วยเหลือแตกต่างกัน ตามความต้องการของแต่ละภาคอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ พิชัยกล่าวในรายการ ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอว่า’ ได้แจ้งให้สภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าช่วยเก็บข้อมูลผลกระทบของภาคธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมแล้ว เพื่อออกมาตรการได้อย่างตรงจุด

โดยมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้นจะเป็นการออกซอฟต์โลน เพื่อบรรเทาผลกระทบในแต่ละอุตสาหกรรมที่ต้องการเงินสดอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมมอบเงินสำหรับลงทุนเครื่องจักร ปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้ทันสมัย

เป้าหมายหลักของภาครัฐคือ เสริมการจ้างงานให้เข้ากับโครงสร้างการผลิตระยะต่อไป โดยพิชัยชี้ว่าเป็นธรรมดาสำหรับโรงงานที่จะต้องปิดตัวไป เมื่อไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ได้

ดังนั้น ภาครัฐจะช่วยเสริมเงินลงทุน และเชื่อมภาคธุรกิจไทย ให้เข้ากับภาคธุรกิจต่างประเทศ โดยตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ภาครัฐจะเชื่อมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ไทย ให้เข้ากับผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน

สำหรับตัวเลขประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่คาดว่า 2.2% พิชัยชี้ว่ามีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ หากไทยสามารถยกระดับศักยภาพในการแข่งขัน

“การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้มีต้นทุนผลิตที่แข่งขันได้ เป็นประเภทสินค้าที่ตลาดต้องการ และสินค้าที่ Value Added เยอะ รวมถึงเพิ่มการสร้างงานในประเทศไทย เราจะต้องสนับสนุนให้มีการใช้ Local Content ให้มากขึ้น ซึ่งเราจำเป็นต้องพยายามผลักดัน SME ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ให้ได้มากที่สุด” พิชัยกล่าว

สำหรับประเด็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ พิชัยชี้ว่า ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งปัจจุบัน กระทรวงการคลังได้ทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมอบข้อมูลที่จำเป็นไปมากพอแล้ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

Fujii Kaze เปิดตัวซิงเกิลใหม่ Love Like This จากอัลบั้มภาษาอังกฤษชุดแรก Prema

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วัฒน์ศรี ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา Managing Director ของ Louis Vuitton เตรียมขึ้นเวที 7 Things We Love About x The Secret Sauce Summit 2025

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประมวลภาพ ย้อนไปในค่ำคืนเสียงสงคราม อำเภอกันทรลักษ์

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศบ.ทก. แถลงผลนำคณะทูตลงพื้นที่ ‘เห็นใจ’ ฝ่ายไทย เห็นความโหดร้ายจากการโจมตีของกัมพูชา เชื่อผลตอบรับเป็นบวก

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

จับตา ไทยบี้ต่อ!! 4 ส.ค.นี้ เชิญทูต ต่างประเทศประจำไทยชี้แจง

TOJO NEWS

เหนือ-อีสาน-กลาง ฝนลด! ทะเลคลื่นยังสูง กรมอุตุฯ เตือนชาวเรือเดินเรือระวัง

ไทยโพสต์

มาเลเซียหวังสันติภาพไทย-กัมพูชาหวนคืนมา รอคอยผลประชุม GBC ที่กัวลาลัมเปอร์

Manager Online

โอกาสทองของการปฏิวัติกองกำลังของชาติ

ไทยโพสต์

ดวงประจำวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2568

AEC10NEWs

‘อ.ปริญญา’ แฉหลักฐานใหม่ ‘ฮุนเซน-ฮุน มาเนต’ ทำผิดรัฐธรรมนูญกัมพูชา

The Bangkok Insight

ทูต-สื่อเห็นกับตาจุดเขมรถล่ม ญาติเหยื่อร่ำไห้เล่านาทีชีวิต

MATICHON ONLINE

จะรอดู ทหารเขมรจะอยู่ได้ซักกี่น้ำ!! แนะ ทหารล้อมปราสาทตาควาย

TOJO NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

เทียบ! อัตราภาษีตอบโต้ ไทย vs. อาเซียน ณ วันที่ 31 กรกฎาคม

THE STANDARD

ประกันสังคมยังมีทางรอด ภัณฑิราชี้ เพิ่มผลตอบแทนแค่ 1% สร้างเงินเพิ่ม 27,000 ล้าน

THE STANDARD

เอกนัฏชี้สหรัฐให้ภาษี 19% เรตดีที่สุดในอาเซียน-คู่แข่ง สร้างความมั่นใจภาคอุตสาหกรรม เร่งปรับมาตรฐานสินค้า

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...