คัมชัตกาสะท้าน-แปซิฟิกสะเทือน
ช่วงใกล้เวลาพักเที่ยงของชาวนครา บนคาบสมุทรคัมชัตกา ภูมิภาคตะวันออกไกลของประเทศรัสเซีย เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ต้องประสบกับภาวะตื่นตระหนกจากภัยธรรมชาติที่ยากจะเฝ้าระวังและการประกาศเตือนภัยล่วงหน้า
นั่นคือ เหตุแผ่นดินไหว ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่นอกชายฝั่งเมืองเปโตรบัฟลอฟส์ค-คัมชัตสกี ของคาบสมุทรคัมชัตกา ไปทางตะวันออกราว 119 กิโลเมตร และลึกลงไปในชั้นใต้ดินราว 19.3 กิโลเมตร วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 8.8 ตามมาตราริกเตอร์ ตามการเปิดเผยของ “สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา” หรือ “ยูเอสจีเอส” ที่เฝ้าระวังสังเกตการณ์และพบการสั่นไหวเมื่อเวลาประมาณ 11.24 น. ของวันพุธที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ซึ่งก็เวลาในเขตเวลาคัมชัตกา เร็วกว่าเวลาในประเทศไทย ประมาณ 5 ชั่วโมง
ความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่บังเกิด ก็ถึงขนาดทำให้นายวลาดิเมียร์ โซโลดอฟ ผู้ว่าการแคว้นคัมชัตกา เอ่ยปากว่า เป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของแคว้นคัมชัตกา
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบตามสถิติเหตุแผ่นดินไหวแล้วพบว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ มีความรุนแรงเป็นลำดับที่ 6 ของโลก นับตั้งแต่มีการบันทึกมา จากการที่โลกเราเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
โดยที่หนักที่สุดอันดับ 1 ก็เป็นเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองบัลดิเบีย ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 1960 (พ.ศ. 2503) วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 9.5 ตามมาตราริกเตอร์
อันดับ 2 เป็นเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองพรินซ์วิลเลียมซาวนด์ รัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ปี 1964 (พ.ศ. 2507) วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 9.3 ตามมาตราริกเตอร์
อันดับ 3 วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 9.2 ตามมาตราริกเตอร์ ที่มหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2004 (พ.ศ. 2547) ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิครั้งใหญ่พัดถล่มชายฝั่งในหลายๆ ประเทศตามมา รวมถึงประเทศไทย สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง
อันดับ 4 เป็นความแรงของการสั่นไหวในระดับ 9.0 เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ และหลากเวลาที่ต่างกัน คือ เมืองอารีกา ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 1868 (พ.ศ. 2411) ที่คาบสมุทรคัมชัตกา ประเทศรัสเซีย ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสหภาพโซเวียตรัสเซีย เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1952 (พ.ศ. 2495) และที่เมืองโทโฮะกุ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 (พ.ศ. 2554) ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองโทโฮะกุ ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติด้านกัมมันตภาพรังสีนิวเคลียร์ตามมา จนผู้คนหวาดผวากันไปทั่วโลก นั่นคือ โรงงานผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์ที่เมืองฟูกูชิมะ เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีขึ้น เพราะโรงงานฯ ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิพัดถล่ม
อันดับ 5 เป็นความรุนแรงระดับ 8.9 ตามมาตราริกเตอร์ ซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณนอกชายฝั่งของเมืองโทโฮะกุ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 869 (พ.ศ.1412) หรือ 1156 ปีที่แล้ว และอีกครั้งหนึ่งที่บริเวณนอกชายฝั่งของเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1611 (พ.ศ.2154) หรือ 414 ปีที่แล้ว
และอันดับ 6 ก็คือเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดที่บริเวณนอกชายฝั่งของคาบสมุทรคัมชัตกาข้างต้น เมื่อกลางสัปดาห์นี้ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 8.8 ตามมาตราริกเตอร์
ด้วยความแรงระดับนี้ ก็ทำให้ทางการประเทศต่างๆ ของสองฟากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งฟากตะวันตก และฝั่งตะวันออก ต่างออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนพลเรือนของตน เฝ้าระวังคลื่นสึนามิอันตราย ที่จะถล่มตามมา พร้อมมีคำแนะนำให้ประชาชนที่มีถิ่นพำนักตามชายฝั่ง เร่งอพยพออกจากบ้านไปยังที่สูงเพื่อความปลอดภัยจากคลื่นสึนามิที่จะพัดถล่ม ไม่ให้เกิดโศกนาฏรรมซ้ำรอยเหมือนเฉกเช่นที่ผ่านมา
การแจ้งเตือนภัยจากคลื่นสึนามิ ก็เน้นย้ำไปที่รัสเซีย และญี่ปุ่น เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงที่สำคัญ ที่จะเผชิญคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ สำหรับ สองประเทศของทางฟากตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งสองแห่งนี้
ตามการประเมินก็ระบุว่า น่าจะมีขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 3 เมตร สำหรับ รัสเซียที่จะต้องเผชิญกับคลื่นสึนามิหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
ผลปรากฏว่า หลายพื้นที่ก็เผชิญกับคลื่นสึนามิสูงระดับดังกล่าวหรือสูงกว่านั้น โดยบางพื้นที่ เช่น เมืองเซเวโร-คูริลส์ค หมู่เกาะคูริล ของคาบสมุทรคัมชัตกา ประสบกับคลื่นสึนามิสูงถึง 4 เมตรเลยทีเดียว สร้างความเสียหายให้แก่บรรดาอาคาร รวมไปถึงท่าเรือและโรงงานแปรรูปปลา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการประมงที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองแห่งนี้
นอกเหนือจากความเสียหายอาคารบ้านเรือนจากแรงสั่นสะเทือนของเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์หนนี้ อาทิเช่น โรงเรียนอนุบาล หรือก่อนประถมวัยแห่งหนึ่งในแคว้นคัมชัตกา และเพดานของอาคารในท่าอากาศยานเอลิโซโวพังถล่มลงมา โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งด้วย
ส่วนที่ญี่ปุ่น ก็เผชิญกับคลื่นสึนามิหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวหลายระลอก เช่น ที่เกาะฮอกไกโด เผชิญคลื่นสึนามิถึง 3 ระลอกด้วยกัน บางระลอกวัดความสูงได้ถึง 60 เซนติเมตร ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ยี่ห้อดัง ต้องระงับดำเนินการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
โดยที่ญี่ปุ่นนี้ ทางการยังต้องเฝ้าระวังด้วยความห่วงใยยิ่งต่อโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยได้ดำเนินการตรวจสอบถึงความเสียหายต่างๆ เพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นซ้ำสองเหมือนเมื่อครั้งปี 2011 หรือ 14 ปีที่แล้ว
ขณะที่ อินโดนีเซีย เกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชายฝั่งของ จ.โมลุกกะเหนือ และ จ.โกดรนตาโล ภูมิภาคปาปัว ซึ่งเผชิญความสูงของคลื่นสึนามิ 50 เซนติเมตร
ส่วนที่อีกฟากฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก คือ ด้านตะวันออก ที่หมู่เกาะฮาวาย รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ก็ประสบกับคลื่นสึนามิขนาดความสูง 1.2 เมตร นอกจากนี้ หลายพื้นที่ของชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ก็ได้เห็นคลื่นสึนามิขนาดความสูงกว่า 60 เซนติเมตร พัดเข้าชายฝั่ง