Starbucks คัด 12 นักลงทุน เข้ารอบชิงพันธมิตรธุรกิจในจีน หนุนแผนขยาย 20,000 สาขา
Starbucks คัด 12 นักลงทุน เข้ารอบชิงพันธมิตรธุรกิจในจีน ขณะที่บริษัทยืนยันจะถือหุ้นในสัดส่วนสำคัญ และไม่ขายกิจการจีนทั้งหมด ท่ามกลางแผนขยายสาขาแตะ 20,000 แห่งในอนาคต
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 11.06 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แหล่งข่าววงในระบุว่า Starbucks Corp. ได้คัดเลือกกลุ่มบริษัทและนักลงทุนจำนวนหนึ่งเข้าสู่รอบที่สองของกระบวนการเฟ้นหาพันธมิตรในธุรกิจStarbucks ประเทศจีน ซึ่งรวมถึงบริษัทร่วมทุนเอกชน (private equity firms) และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
ผู้ที่ได้รับการเชิญให้เข้าร่วมรอบที่สอง ได้แก่ Boyu Capital, Carlyle Group Inc., EQT AB, FountainVest Partners, KKR & Co., Hillhouse Investment และ Primavera Capital รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง JD.com Inc. และ Tencent Holdings Ltd. โดยทั้งหมดจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลการเงินของStarbucks China เพื่อใช้ในการประเมินและเตรียมยื่นข้อเสนอในช่วงเดือนถัดไป
แหล่งข่าวระบุว่า การหาพันธมิตรครั้งนี้มิใช่เรื่องการเพิ่มทุนเท่านั้น แต่เป็นความพยายามในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ Starbucks ในประเทศจีนผ่านพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่น โดยเฉพาะเพื่อขยายจำนวนสาขา พัฒนาห่วงโซ่อุปทาน เสริมแพลตฟอร์มดิจิทัล และกลยุทธ์แบรนด์ให้เหมาะกับผู้บริโภคจีนมากยิ่งขึ้น
Brian Niccol ซีอีโอของStarbucks กล่าวในการประชุมกับนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมว่า “สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเงินทุน แต่เป็นเรื่องของการทำให้แบรนด์ Starbucks อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต”
ก่อนหน้านี้ Niccol เคยระบุว่าStarbucks China มีศักยภาพในการขยายสาขาจากปัจจุบันราว 7,800 แห่ง ไปสู่ 20,000 แห่งในอนาคต โดยจีนถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของStarbucks รองจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังเผชิญการแข่งขันอย่างหนักจากแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Luckin Coffee Inc. ซึ่งสามารถขยายตัวรวดเร็วด้วยราคาที่ถูกกว่าและการเปิดตัวสินค้าใหม่บ่อยครั้ง
เพื่อรับมือกับการแข่งขันStarbucks เริ่มปรับตัวด้วยการเพิ่มเมนูที่มีราคาต่ำลงและปรับให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคจีน เช่น ชาแบบผลไม้และเครื่องดื่มทางเลือกแบบไร้น้ำตาล โดยในไตรมาสล่าสุด บริษัทรายงานว่ายอดขายสาขาเดิมในจีนเริ่มฟื้นตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2566
กระบวนการสรรหาพันธมิตรในจีนได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า 20 รายทั่วโลก โดย Starbucksยืนยันว่าต้องการคงสัดส่วนการถือหุ้นในระดับที่มีนัยสำคัญและจะไม่ขายธุรกิจในจีนทั้งหมด โดยการเจรจายังอยู่ในระหว่างดำเนินการ และอาจยังไม่มีการปิดดีลในเร็ว ๆ นี้ โดยอาจมีนักลงทุนกลุ่มอื่นหรือจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพิ่มเติมในระยะต่อไป
อ้างอิง : www.bloomberg.com