เลื่อนอีก? โลกรับศึกหนัก ”ภาษีทรัมป์“ สะเทือนการค้า-ตลาดหุ้นผันผวน
เศรษฐกิจโลกสะเทือนอีกครั้ง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามอนุมัติอัตราภาษีนำเข้าใหม่ที่มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ครอบคลุมมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยกำหนดอัตราภาษีสูงถึง 50% ในบางประเทศ พร้อมจุดชนวนความกังวลรอบใหม่ต่อภาคการส่งออกทั่วโลกและเสถียรภาพของตลาดการเงินระหว่างประเทศ
ภายใต้คำสั่งบริหารที่เพิ่งลงนาม อัตราภาษีใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยให้เวลาต่อรองอีกเล็กน้อยจากเส้นตายเดิมที่ทรัมป์เคยกำหนดไว้เป็นวันศุกร์ สร้างแรงกดดันให้บรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ต้องเร่งเจรจากับวอชิงตันอย่างเข้มข้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะตามมา
อัตราภาษีใหม่นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยมีตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 50% โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคือเลโซโท ซึ่งเดิมถูกกำหนดภาษีไว้ถึง 50% สร้างความเสี่ยงร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ของประเทศ ก่อนที่จะได้รับการปรับลดลงเหลือ 15% ในภายหลัง ขณะที่ซีเรีย, ลาว และเมียนมา ก็ไม่รอด ถูกจัดเก็บภาษีสูงถึง 40-41% สะท้อนแรงกดดันที่ประเทศยากจนต้องเผชิญ
สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่ถูก “ลงโทษทางเศรษฐกิจ” หนักที่สุด ด้วยอัตราภาษีสูงถึง 39% ส่งผลให้ค่าเงินฟรังก์สวิสอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยสินค้าหลักของสวิตเซอร์แลนด์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ ยา เวชภัณฑ์ ช็อกโกแลต และนาฬิกาหรู ซึ่งตกอยู่ในความเสี่ยงทันที ขณะที่รัฐบาลสวิสออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจะเดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯ ต่อไป แม้ล่าสุดประธานาธิบดีคาริน เคลเลอร์-ซัทเทอร์ จะโทรศัพท์พูดคุยกับทรัมป์แล้วแต่ไม่สามารถตกลงกันได้
แคนาดาเองก็ถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 35% ด้วยเหตุผลว่าแคนาดาไม่สามารถควบคุมการลักลอบนำเข้าฟีนทานิลและไม่เพิ่มมาตรการความมั่นคงชายแดน ส่งผลให้เงินดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน
ไต้หวันซึ่งเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ถูกเก็บภาษี 20% ส่วนอินเดียอยู่ที่ 25% แอฟริกาใต้ 30% เม็กซิโกได้เวลาเพิ่มอีก 90 วันในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการที่รุนแรงยิ่งขึ้น
ขณะที่สหภาพยุโรปโดนเก็บภาษีแบบรวมในอัตรา 15% แต่กลับมีข้อยกเว้นที่น่าจับตา เพราะคำสั่งบริหารฉบับนี้ไม่รวมรถยนต์ไว้ด้วย ทำให้รถยนต์นำเข้าจากยุโรปยังต้องเสียภาษีในอัตราเดิม 27.5% ส่งผลให้หลายค่ายรถต้องกลับมาปรับแผนส่งมอบในสหรัฐฯ อย่างเร่งด่วน
ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบสนองต่อข่าวนี้อย่างรุนแรง ดัชนีหลักในยุโรปลดลงทันที โดย Stoxx 600 ร่วงเกือบ 2% ขณะที่ FTSE 100 ของอังกฤษลดลง 0.8% ด้านฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones และ S&P 500 ปรับตัวลงมากกว่า 1% ส่วน Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% ยิ่งซ้ำเติมบรรยากาศลบด้วยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด
ในขณะที่ผู้ผลิตยาในยุโรปและประเทศอื่น ๆ ต่างจับตาความเคลื่อนไหวของทรัมป์อย่างใกล้ชิด แม้ทำเนียบขาวจะยืนยันว่าได้ตกลงอัตราภาษีไว้ที่ 15% แต่ก็มีคำเตือนชัดเจนว่า หากไม่สามารถลดราคายาสำหรับผู้ป่วยชาวอเมริกันได้ รัฐบาลกลางจะ “ใช้ทุกมาตรการที่มี” เพื่อปกป้องครอบครัวชาวสหรัฐฯ
อังกฤษและหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ กลายเป็นสองประเทศที่โชคดีที่สุดในครั้งนี้ เพราะถูกจัดเก็บภาษีเพียง 10% โดยอังกฤษเป็นชาติแรกที่สามารถทำข้อตกลงกับทรัมป์ได้สำเร็จ